ภาษี โอน เงิน 400 ครั้ง

ภาษีโอนเงิน 400 ครั้ง แบบไหนที่ต้องเสียภาษี?

ปัจจุบันเทคโนโลยีนั้นเข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวันของเรา ยิ่งบวกกับการเข้ามาของโรค covid-19 ทำให้น้อยคนนัก ที่จะไม่ใช่อินเตอร์เน็ตในการทำธุรกรรม และ การเงิน จริงๆแล้วมันเหมือนเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว สมัยนี้ใครจะไปโอนเงินผ่านตู้ หรือไปที่ธนาคารก็เป็นเรื่องที่ดูยุ่งยากใช่ไหมล้ะครับ และไม่ว่าจะเป็นร้านค้า หรือร้านสะดวกซื้อ ตอนนี้ก็มีบริการรับชำระแบบโอนเกือบหมดแล้ว ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ต้องมีการปรับรูปแบบธุรกิจหรือเริ่มหาช่องทางการค้าขายใหม่และหันมาทำธุรกิจออนไลน์กันมากยิ่งขึ้น แต่รู้ไหมว่าการที่เราโอนเงิน หรือรับเงินเข้าบัญชีในจำนวนที่มากๆเนี่ย ทางธนาคารจะต้องส่งข้อมูลบัญชีของเราไปให้ทางสรรพากรเพื่อตรวจสอบในการคิดภาษีที่เรียกว่า “ภาษี e-payment” นั้นเอง โดยประกาศใช้กับทุกคน ไม่ใช่เฉพาะร้านค้าออนไลน์เพียงเท่านั้น วันนี้เราเลยจะพาทุกคนมารู้จักกับ
ภาษีโอนเงิน 400 ครั้ง กันว่ามันคืออะไร แลว้วเราต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างครับ

กฎหมาย e-payment คือ

 

กฎหมาย e-payment คืออะไร  

กฎหมาย E-Payment หรือพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2562 เกิดขึ้นเพื่อรองรับระบบภาษี และเอกสารธุรกรรมทางการอิเล็กทรอนิกส์ ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการนำส่งเงินภาษี การยื่นรายการ หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับภาษีอากร

เงื่อนไขของการส่งข้อมูลบัญชีให้กรมสรรพากร

สถาบันจะนับจำนวนธุรกรรมรวมกันทุกบัญชีที่เกิดขึ้นภายใน 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 31 ธ.ค. ของทุกปี นำส่งข้อมูลให้กรมสรรพากร โดยกฎหมายจะมีผลก็ต่อเมื่อ

  1. จำนวนครั้งการฝาก/รับโอนเงิน เกิน 3,000 ครั้งขึ้นไปต่อปี ทางธนาคารจะทำการยื่นส่งข้อมูลให้กับกรมสรรพากรเพื่อทำการตรวจสอบไม่ว่ามูลค่าในการโอนจะมาก หรือน้อยก็ตาม

  2. จำนวนครั้งการฝาก/รับ โอน เงิน เกิน 400 ครั้ง ขึ้นไป และต้องมียอดรวมมากกว่า 2,000,000 บาท ต่อปี (ในกรณีที่ยอดโอนที่ไม่ตรงกับเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งบัญชีของคุณจะไม่ถูกตรวจสอบ) เช่น มียอดรับ โอน เงิน เกิน 400 ครั้ง แต่มียอดรวมไม่เกิน 2,000,000 บาท บัญชีของคุณก็จะไม่ถูกตรวจสอบ

เพิ่มเติม : เมื่อเข้าเกณฑ์แล้วจะถูกตรวจสอบทุกรายหรือไม่ คำตอบคือ กรมสรรพากรจะไม่เรียกตรวจทุกราย เพราะกรมสรรพากรจะมีการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อจัดกลุ่มผู้เสียภาษีอีกครั้งหนึ่ง

เงื่อนไขข้อมูลที่ต้องส่งให้กรมสรรพากร

หน่วยงานที่ต้องรายงานกรมสรรพากร

ซึ่งหน่วยงานนั้นก็คือ

  1. สถาบันการเงิน เช่น ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารภาครัฐ
  2. รวมไปถึงผู้ให้บริการด้านการเงินอื่นๆ เช่น True money , Rabbit LINE Pay , e-Wallet เป็นต้น

หน่วยงานเหล่านี้มีหน้าที่ต้องรายงานธุรกรรมที่เข้าเงื่อนไขให้กรมสรรพากรทราบ โดยธุรกรรมที่ว่าคือรายการ การฝากหรือการรับโอน และยังรวมไปถึงการรับเงินปันผลหรือดอกเบี้ยอีกด้วย

 ข้อมูลที่กรมสรรพากร จะได้จากหน่วยงาน

• เลขบัตรประจำตัวประชาชน (หรือเลขทะเบียนนิติบุคคล)

• ชื่อ-สกุล (หรือชื่อบริษัท)

• เลขบัญชีเงินฝาก

• จำนวนครั้งของการฝาก/รับโอนเงิน

• ยอดรวมของการฝาก/รับโอนเงิน

กรมสรรพพากรจะนำข้อมูลที่ได้ไปใช้อย่างไร

กรรมสรรพากรจะนำข้อมูลของเราไปวิเคราะห์ผ่านระบบคอมพิวเตอร์เพื่อจัดกลุ่มผู้เสียภาษี หากถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง กรมสรรพากรจะนำข้อมูลไปวิเคราะห์เชิงลึกอีกที ว่าจะให้บริการในรูปแบบไหนถึงจะเหมาะสม

แนะนำวิธีการเตรียมตัว

แนะนำวิธีการเตรียมตัว สำหรับคนที่เข้าเกณฑ์ ภาษีโอนเงิน 400 ครั้ง

  1. ต้องทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้ชัดเจน เพื่อแจกแจงรายละเอียดในแต่ละธุรกรรมของธุรกิจ
  2. เก็บหลักฐานทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
  3. ขอใบกำกับภาษีในการซื้อมาขายไปทุกครั้ง เพื่อใช้เป็นหลักฐานเมื่อทำการยื่นภาษี
  4. ยื่นแบบแสดงรายการภาษีให้ตรงเวลาที่กำหนดและครบถ้วนมากที่สุด
  5. ศึกษาเพิ่มเติม และอัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับภาษีออนไลน์อยู่เสมอ เผื่อมีอะไรที่เปลี่ยนไปหรือสามารถลดหย่อนได้ จะได้ไม่เป็นการเสียโอกาสกับเราตัวเราเอง

ภาษีอีเพย์เมนต์ถูกบังคับใช้กับทุกคน ไม่ใช่เฉพาะร้านค้าออนไลน์เท่านั้น ดังนั้นการศึกษาหาความรู้เรื่องภาษีและยื่นภาษีให้ถูกต้องเป็นสิ่งที่ควรรีบดำเนินการ ไม่ว่าบัญชีธนาคารของตนเองจะมีธุรกรรมที่เข้าเงื่อนไขหรือไม่ แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราเตรียมพร้อมรับมือโดยจดทะเบียนร้านค้าออนไลน์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย และมีคนคอยให้คำปรึกษา

 

ใครมีข้อสงสัย ต้องการคำปรึกษา นรินทร์ทอง สามารถติดต่อสอบถามได้ที่…

Facebook : NarinthongOfficial

E-mail : narinthong.ac@gmail.com

Line : @Narinthong

Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339

 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้ในส่วนวิเคราะห์ และคุกกี้ในส่วนการตลาด

    คุกกี้ในส่วนวิเคราะห์ จะช่วยให้เว็บไซต์เข้าใจรูปแบบการใช้งานของผู้เข้าชมและจะช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลและรายงานผลการใช้งานของผู้ใช้งาน และคุกกี้ในส่วนการตลาด ใช้เพื่อติดตามพฤติกรรมผู้เข้าชมเว็บไซต์เพื่อแสดงโฆษณาที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้งานแต่ละรายและเพื่อเพิ่มประสิทธิผลการโฆษณาสำหรับผู้เผยแพร่และผู้โฆษณาสำหรับบุคคลที่สาม

บันทึกการตั้งค่า