ใครที่กำลังเตรียมตัวเป็นเจ้าของธุรกิจหรือกิจการที่มีการจดทะเบียนบริษัท นอกจากเรื่องของการเติบโตทางธุรกิจแล้ว ยังมีเรื่องการเสียภาษีเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย โดยเฉพาะ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่คุณต้องมีการวางแผนทางด้านการเงิน เพื่อไม่ให้กลายเป็นปัญหาได้ในอนาคตกับทางกรมสรรพากร
ทาง นรินทร์ทอง จึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับภาษีเงินได้นิติบุคคลที่คุณควรรู้ ว่ามีความแตกต่างกับบุคคลธรรมดาอย่างไร ช่วงที่ต้องเสียภาษีคือตอนไหน รวมถึงวิธีการคำนวณเอาไว้ในบทความนี้!
ภาษีเงินได้นิติบุคคล คืออะไร?
ก่อนอื่นคุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การดำเนินธุรกิจมีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ ‘บุคคลธรรมดา’ และ ‘นิติบุคคล’ ทั้งคู่ต่างมีการจัดทำบัญชีเพื่อช่วยให้เรารู้ว่ามีจำนวนเงินเข้า-ออกเท่าไหร่ และเรื่องของอัตราการเสียภาษีอีกด้วย จึงทำให้การเสียภาษีมีอยู่ 2 แบบ ดังนี้
- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นการเก็บภาษีจากบุคคลทั่วไป และมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กำหนด โดยการเสียภาษีใน 1 ปี จะมี 2 ครั้ง ที่ต้องนำส่งให้กับทางกรมสรรพากร คือ เสียภาษีกลางปีหรือครึ่งปี แบบ ภ.ง.ด.94 และเสียภาษีปลายปี แบบ ภ.ง.ด.90
- ภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือภาษีนิติบุคคล จะเรียกเก็บภาษีกับทางห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัท ที่มีการจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งลักษณะของการยื่นจะเป็นแบบเดียวกันกับบุคคลธรรมดา ที่มีรายได้ตามรอบระยะเวลาของบัญชีหรือ 1 ปี โดยมีการยื่นจ่ายภาษี 2 ครั้ง คือ กลางปี แบบ ภ.ง.ด. 51 และปลายปี แบบ ภ.ง.ด. 50
หากพูดถึงความแตกต่างในเรื่องของการเสียภาษี บุคคลธรรมดาจะมีอัตราภาษีสูงสุดที่ 35% และถ้าผลประกอบการขาดทุน ก็ยังคงต้องเสียภาษีตามปกติ ส่วนการเสียภาษีของนิติบุคคลอยู่ในอัตราสูงสุด 20% ถ้าธุรกิจขาดทุนจะได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษีและสามารถนำส่วนขาดทุนไปหักกำไรปีต่อได้มากถึง 5 ปี
>> ดาวน์โหลดแบบ ภ.ง.ด.50 หรือแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล ได้ที่นี่ <<<
ใครเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีนิติบุคคล?
บุคคลที่เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล คือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือบริษัท ที่จดทะเบียนตามกฎหมายไทย ได้แก่ บริษัท จำกัด, บริษัทมหาชน จำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัด และห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน โดยการแสดงรายการหรือภาษีเงินได้นิติบุคคลจะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ
- ภ.ง.ด. 50 : เป็นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลรายปี จึงต้องยื่นทุกปีไม่ว่าจะมีรายได้หรือขาดทุน โดยมีช่วงเวลาในการยื่นภายใน 150 วัน นับตั้งแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี หรือภายในวันที่ 31 พฤษภาคมของปีถัดไป
- ภ.ง.ด. 51 : คล้ายกับแบบ ภ.ง.ด. 50 ที่แสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่เป็นรอบของครึ่งปีหรือครึ่งรอบบัญชี (6 เดือน) โดยมีการยื่นแบบภายใน 2 เดือนนับตั้งแต่วันสุดท้ายของรอบ 6 เดือน ให้กับทางกรมสรรพากร และค่อยคำนวณภาษีรายปี (ภ.ง.ด. 50) ส่งให้ตอนสิ้นปี
การยื่นแบบหรือแสดงรายการภาษี สามารถนำส่งได้ 2 ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานสรรพากร ‘พื้นที่ในกรุงเทพฯ‘ หรือ ‘พื้นที่ต่างจังหวัด‘ ถ้าหากใครไม่สะดวกต่อการเดินทาง ‘E-FILING‘ จะช่วยตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี ทั้งยื่นแบบและชำระภาษีในรูปแบบของออนไลน์
การคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคล
การคำนวณในครั้งนี้จะเป็นการหาภาษีเงินได้นิติบุคคลแบบรายปีหรือตามรอบระยะเวลาบัญชี (ภ.ง.ด.50) โดยอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจะมี 2 แบบที่มักจะถูกนำไปใช้เป็นประจำ คือ
อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลทั่วไป หรือ ธุรกิจที่นอกเหนือจาก SME สำหรับธุรกิจทั่วไปที่มีขนาดใหญ่หรือเป็นบริษัทมหาชน จะมีอัตราการเสียภาษีแบบเดียว คือ
- ธุรกิจที่มีกำไรสุทธิตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป อัตราการชำระภาษีจะอยู่ที่ 20%
อัตราภาษีเงินได้ธุรกิจ SME สำหรับธุรกิจขนาดย่อมและขนาดกลาง จะมีวิธีการคิดอัตราภาษีแบบขั้นบันได ดังนี้
- กำไรสุทธิที่ไม่เกิน 300,000 บาท จะได้รับการยกเว้นทางภาษี
- กำไรสุทธิเกิน 300,000 บาท แต่ไม่เกิน 3,000,000 บาท ต้องชำระภาษี 15%
- กำไรสุทธิมากกว่า 3,000,000 บาท ขึ้นไป ต้องชำระภาษี 20%
วิธีการหาภาษีเงินได้นิติบุคคล
- รายได้ – ค่าใช้จ่าย = กำไรบัญชี
- นำกำไรทางบัญชีมาปรับปรุงรายการให้กลายเป็นกำไรทางภาษี
- กำไรภาษี x อัตราภาษี = ภาษีเงินได้นิติบุคคล
ตัวอย่าง บริษัท ก้าวดี ก้าวไป จำกัด มีรายได้ในรอบปี 30,000,000 บาท โดยมีค่าใช้จ่ายทั้งหมด ในบริษัท 22,000,000 บาท และมีรายการอื่นๆ ดังนี้
- ค่าใช้จ่ายที่ไม่ถือเป็นรายจ่าย ( ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ) 200,000 บาท
- เบี้ยปรับเงินเพิ่ม ทางภาษี 100,000 บาท
การคำนวณอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลทั่วไป
- กำไรทางบัญชี โดยเกิดจากการนำ (รายได้ – ค่าใช้จ่ายทั้งหมด = กำไรทางบัญชี)
30,000,000 – 22,000,000 = 8,000,000
- กำไรทางภาษี (กำไรทางบัญชี + ค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถนำมาลงบัญชีได้ = กำไรทางภาษี)
8,000,000 + 200,000 + 100,000 = 8,300,000 บาท
- ภาษีเงินได้นิติบุคคล (กำไรสุทธิทางภาษี x อัตราภาษี = ภาษีเงินได้นิติบุคคล)
8,300,000 x 20% = 1,660,000 บาท
*ตรวจสอบให้ดีว่ารายการไหนเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชี และไม่เป็นค่าใช้จ่ายทางภาษี
สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ก็คงจะรู้แล้วว่า ภาษีเงินได้นิติบุคคลหรือภาษีนิติบุคคล เป็นการเรียกเก็บภาษีจากผู้ประกอบการที่มีการจดทะเบียนบริษัท ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของห้างหุ้นส่วนจำกัดหรือบริษัท โดยมีการนำส่งแบบได้ 2 รอบ คือ ภ.ง.ด. 51 รอบครึ่งปี และ ภ.ง.ด. 50 รอบปีตามระยะเวลาบัญชี ซึ่งวิธีการเสียภาษีนิติบุคคลจะขึ้นอยู่กับอัตราภาษีเงินได้ของธุรกิจ โดยการคำนวณจะต้องระวังให้ดีในส่วนของปรับปรุงรายการจากกำไรทางบัญชีเป็นกำไรทางภาษี
แต่ถ้าคุณเป็นผู้ประกอบการมือใหม่ ที่ไม่เข้าใจในเรื่องของภาษีเท่าไหร่นัก และการทำบัญชีก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แนะนำให้ปรึกษา นรินทร์ทอง เพราะมีบริการที่สามารถช่วยดูแลคุณได้ครบวงจรทั้งการจดทะเบียนบริษัท, บัญชี และภาษี
อยากให้ภาษีเป็นเรื่องง่าย ต้องที่นรินทร์ทอง!
บริษัท นรินทร์ทอง จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านบัญชีและภาษี ด้วยประสบการณ์ที่ให้บริการมากกว่า 20 ปี โดยมีบริการให้คุณได้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโตและมีประสิทธิภาพในการก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็น
- การส่งภาษีอากร ทางเราสามารถยื่นภาษีให้ได้ โดยที่คุณไม่ต้องยุ่งยากกับการจัดเตรียมเอกสาร รวมไปถึงรับจัดทำรายงาน และให้คำปรึกษาทางด้านภาษี
- รับจดทะเบียนบริษัท เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทของคุณ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการจดทะเบียน เพราะเราสามารถช่วยคุณได้
- งานทางด้านการเงิน จะเป็นการดำเนินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยื่นแบบเงินเดือน และประกันสังคมของพนักงานที่ทำงานอยู่ภายในบริษัท
- ให้บริการรับทำบัญชี หากใครที่กำลังรู้สึกว่าการทำบัญชีนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมากมายภายในบริษัท ทางเราพร้อมที่จะดูแลคุณ
หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่…
Facebook : NarinthongOfficial
E-mail : narinthong.ac@gmail.com
Line : @Narinthong
Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339