การเปิดธุรกิจร้านนวดแผนไทยเป็นของตัวเอง ต้องอาศัยการวางแผนอย่างรอบคอบในหลายด้าน ตั้งแต่แนวคิดไปจนถึงความเข้าใจในเรื่องบัญชีและภาษีด้วย เพราะการวางแผนก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจ จะช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจได้มาก สำหรับใครที่อยากทำธุรกิจเปิดร้านนวดแผนไทย ในวันนี้ นรินทร์ทอง จะชวนทุกคนมาทำความเข้าใจเรื่องการทำ บัญชี ร้าน นวด ที่ต้องรู้ก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจไปพร้อมๆ กัน
การวางแผนทำ บัญชี ร้าน นวด
“การจัดทำบัญชี” เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการบริหารร้านนวดให้ประสบความสำเร็จ เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณรู้สถานะทางการเงินเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนและตัดสินใจทางธุรกิจด้วย เนื่องจากร้านนวดแผนไทย ไม่ได้มีรายได้จากการนวดรายชั่วโมงเพียงอย่างเดียว แต่รายได้บางส่วนนั้นก็ได้มาจาก Package การนวด หรือ Promotion เสริมต่างๆ จึงต้องมีการวางแผนทำบัญชีร้านนวดให้ละเอียด ซึ่งการวางแผนที่ นรินทร์ทอง จะมาแชร์เพื่อให้คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้ มีดังนี้
- การทำบัญชีด้วยตนเอง (Manual Accounting / Spreadsheet)
- วิธีการ คือ ใช้สมุดบัญชีสำเร็จรูป หรือสมุดบัญชีแยกประเภททั่วไป (เช่น สมุดรายวันรับ, สมุดรายวันจ่าย) เพื่อบันทึกรายการ เหมาะสำหรับร้านนวดขนาดเล็กที่มีรายการไม่มากนัก เจ้าของกิจการมีความรู้พื้นฐานด้านบัญชี หรือต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย
- การใช้โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป (Accounting Software)
- วิธีการ คือ ใช้โปรแกรมบัญชีที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจโดยเฉพาะ ซึ่งมีทั้งแบบติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ และแบบออนไลน์ เหมาะสำหรับร้านนวดขนาดกลางถึงใหญ่ หรือร้านที่ต้องการความถูกต้องแม่นยำ ประหยัดเวลา และต้องการรายงานทางการเงินที่ได้มาตรฐาน
- การจ้างนักบัญชี/สำนักงานบัญชี (Outsourcing to Accountant/Accounting Firm)
- วิธีการ คือ มอบหมายงานบัญชีทั้งหมดหรือบางส่วนให้นักบัญชีอิสระ หรือสำนักงานบัญชีเป็นผู้ดูแล เหมาะสำหรับร้านนวดทุกขนาดที่ต้องการความถูกต้องแม่นยำสูงสุด, ประหยัดเวลาของเจ้าของกิจการ, และต้องการคำแนะนำด้านภาษีและการเงินจากผู้เชี่ยวชาญ
โครงสร้างธุรกิจร้าน นวด
หากพูดถึง “ธุรกิจร้านนวดแผนไทย” ในปัจจุบันธุรกิจนี้มีการแข่งขันทางการตลาดสูงมาก ทำให้ผู้ประกอบการร้านนวดต้องหาวิธีสร้างความโดดเด่น และรักษาคุณภาพบริการอย่างสม่ำเสมอ ถ้าคุณต้องการทำธุรกิจร้านนวดแผนไทยให้ประสบความสำเร็จ การทำความเข้าใจโครงสร้างของธุรกิจนวดแผนไทยอย่างละเอียด ถือเป็นสิ่งสำคัญมากในการวางแผนและบริหารจัดการ ซึ่งประกอบไปด้วย
- ต้นทุนของธุรกิจขายร้านนวด
- สำหรับธุรกิจบริการอย่างร้านนวด อาจเรียกได้ว่าเป็น ต้นทุนการให้บริการ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการให้บริการลูกค้าแต่ละครั้ง ซึ่งต้นทุนส่วนใหญ่จะอยู่ที่ การจ้างแรงงานเป็นหลัก (ต้นทุนค่าจ้าง-หมอนวด) และมีค่าวัสดุอุปกรณ์ เช่น น้ำมันมวย น้ำมันอโรมา หินร้อน ลูกประคบ ในการให้บริการอื่นๆ
- รายได้ของธุรกิจขาย ร้าน นวด
- รายได้หลักของธุรกิจนวดแผนไทย มาจากค่าบริการต่างๆ และอาจมีรายได้เสริมจากการขายสินค้าที่เกี่ยวข้อง เช่น รายได้จากการนวดไทยแบบดั้งเดิม (อาจแยกเป็น 1 ชม., 1.5 ชม., 2 ชม.), รายได้จากการนวดที่ใช้น้ำมันหอมระเหย, รายได้จากการนวดบริเวณเท้า หรือ รายได้จากการขายแพ็กเกจระยะยาว รวมถึงรายได้เสริมจากการขายสินค้า ที่เกี่ยวข้องกับการนวดแผนไทยภายในร้าน เป็นต้น
- ค่าใช้จ่ายธุรกิจร้านนวด
- ค่าใช้จ่ายร้านนวดแผนไทย โดยทั่วไปใช้เงินลงทุนค่อนข้างน้อย เพราะค่าใช้จ่ายธุรกิจร้านนวดคือ เงินที่ธุรกิจต้องจ่ายออกไปเพื่อดำเนินกิจการ ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการให้บริการลูกค้าแต่ละราย โดยค่าใช้จ่ายหลักๆ ได้แก่ เงินเดือนพนักงานประจำ, ค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์, ค่าประกันภัย, ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต, ค่าใช้จ่ายผันแปร เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าการตลาด รวมถึงค่าเช่าสถานที่ (หากมีการเช่าพื้นที่)
การเก็บเอกสาร
การจัดเก็บเอกสารอย่างเป็นระบบ เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการร้านนวดอย่างมืออาชีพ ซึ่งจะช่วยให้คุณดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยคุณสามารถเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับขนาดและลักษณะธุรกิจ โดยมีดังนี้
- การจัดเก็บแบบกายภาพ (Hard Copy)
- แฟ้มเอกสาร: จัดทำแฟ้มแยกตามประเภทเอกสาร (เช่น แฟ้มรายรับ, แฟ้มรายจ่าย, แฟ้มพนักงาน) และแบ่งย่อยตามเดือน/ปี เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา
- ตู้เก็บเอกสาร: ใช้ตู้ที่มีกุญแจล็อคเพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะเอกสารสำคัญ
- การเรียงลำดับ: จัดเรียงเอกสารตามวันที่ หรือตามลำดับเลขที่เอกสาร
- การจัดเก็บแบบดิจิทัล (Soft Copy)
- สแกนเอกสาร: สแกนเอกสารสำคัญให้เป็นไฟล์ดิจิทัล (PDF) เพื่อสำรองข้อมูลและลดการใช้พื้นที่จัดเก็บในคอมพิวเตอร์/External Hard Drive: สร้างโฟลเดอร์แยกตามประเภทเอกสารและปี
- Cloud Storage: ใช้บริการ Cloud Storage (เช่น Google Drive, Dropbox, OneDrive) เพื่อความสะดวกในการเข้าถึงจากทุกที่ และเป็นระบบสำรองข้อมูลอัตโนมัติ
- โปรแกรมบัญชี/บริหารจัดการร้าน: โปรแกรมเหล่านี้มักมีฟังก์ชันการจัดเก็บเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ หรือเชื่อมโยงกับเอกสารที่เกี่ยวข้อง
ตัวอย่างที่น่าสนใจพร้อมวิธีการบันทึก
กิจการนวดแผนไทยมักจะขายแพ็กเกจนวด เช่น นวด 10 ครั้งได้ราคาถูกกว่านวดครั้งเดียว หรืออาจจะต้องจัดโปรโมชันประจำเดือนเพื่อกระตุ้นยอดขาย แล้วถ้าเป็นแบบนี้เราสามารถบันทึกบัญชีแบบไหนได้บ้าง? นรินทร์ทอง ได้นำตัวอย่างวิธีการบันทึกรายได้ในแต่ละกรณีมาไว้ให้คุณแล้ว โดยมีดังนี้
การบันทึกรายได้รายครั้ง – รับเงินสด
คือ การให้บริการนวดเป็นรายครั้ง และลูกค้าจ่ายเงินทันทีหลังใช้บริการ เราจึงสามารถบันทึกรายได้ได้ทันที
ยกตัวอย่างเช่น: ลูกค้ามาใช้บริการร้านนวด 1 ชั่วโมง ค่าบริการ 1,000 บาท ชำระด้วยเงินสดหลังใช้บริการ
การบันทึกรายได้รายครั้ง – รับบัตรเครดิต
การรับชำระบัตรเครดิต เป็นอีกทางเลือกในการรับเงิน ถ้าร้านค้ารับชำระด้วยบัตรเครดิต ธนาคารจะคิดค่าธรรมเนียมจากร้านค้าต่อรายการ เช่น ร้อยละ 1% จากจำนวนเงินที่จ่ายต่อครั้ง เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะเกิดรายได้แล้ว ในขณะเดียวกันก็เกิดค่าใช้จ่ายที่เรียกว่า ค่าธรรมเนียมธนาคารด้วยเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น: ลูกค้ามาใช้บริการร้านนวด 1 ชั่วโมง ค่าบริการ 1,000 บาท ชำระด้วยบัตรเครดิตหลังใช้บริการ โดยธนาคารจะหักค่าธรรมเนียม 1% ก่อนโอนเงินให้ร้านค้า
การบันทึกรายได้ลูกค้าซื้อ Package 10 ครั้ง
สำหรับการขายแบบแพ็กเกจ ในที่นี้หมายถึงการขายสิทธิ์ที่จะมาใช้บริการในอนาคต หมายความว่า วันที่เรารับเงินค่าแพ็กเกจ เราจะไม่สามารถรับรู้เป็นรายได้ จนกว่าลูกค้าจะมาใช้บริการ และในกรณีที่สิทธิ์หมดอายุ กิจการสามารถรับรู้สิทธิ์นั้นเป็นรายได้จำนวนทั้งหมด
ยกตัวอย่างเช่น: ลูกค้าซื้อแพ็กเกจ 5 ครั้ง ในราคาพิเศษ 4,000 บาท (เฉลี่ยครั้งละ 800 บาท) โดยสิทธิ์การใช้บริการมีอายุ 1 ปี และภายในระยะเวลาหากลูกค้ามาใช้สิทธิ์เพียง 1 ครั้ง แน่นอนว่าลูกค้าจะเสียสิทธิ์ในการนวดอีก 4 ครั้ง และไม่สามารถคืนเงินค่าแพ็กเกจได้
การบันทึกรายได้จัดโปรโมชัน – ใช้บริการ 10 ครั้ง ฟรี 1 ครั้ง
การทำโปรโมชัน เป็นอีกวิธีทางการตลาดที่นิยมทำกัน เช่น การสะสมคะแนน เพื่อแลกสิทธิ์การใช้บริการฟรีในอนาคต ในมาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการ ที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (TFRS for NPAEs) สามารถบันทึกบัญชีตามวิธีนี้ได้ คือ รับรู้คะแนนสะสมเป็นประมาณการหนี้สิน พร้อมกับรับรู้ค่าใช้จ่ายด้วยจำนวนประมาณการที่ดีที่สุด ณ วันสิ้นรอบระยะเวลารายงาน โดยจำนวนเงินที่รับรู้ จะถูกคำนวณจากจำนวนคะแนนสะสมทั้งหมด ที่คาดว่าจะมีการใช้สิทธิ์ในการแลกเป็นรางวัล เปรียบเทียบกับจำนวนคะแนนสะสมทั้งหมด ณ วันสิ้นรอบระยะเวลารายงาน
ยกตัวอย่างเช่น: กิจการจัดโปรโมชันใช้บริการ 10 ครั้ง ฟรี 1 ครั้ง (ค่าบริการปกติราคา 1,000 บาท/ครั้ง) ณ สิ้นปี มีลูกค้าที่ได้สิทธิ์ทั้งหมดรวม 100 ครั้ง หากเทียบจากการเก็บสถิติการใช้บริการในอดีต โปรโมชันลักษณะนี้จะมีลูกค้ามาใช้บริการเพียง 50% เท่านั้น โดยสามารถคิดค่าประมาณการสิทธิ์คงเหลืออยู่ที่ 1,000 x 100 x 50% = 50,000 บาท
เรียนรู้แนวทางการเสียภาษี และจัดทำ บัญชี ร้าน นวด ปรึกษาเราได้ที่ นรินทร์ทอง
เมื่อพูดถึงธุรกิจร้านนวดแผนไทย นอกจากจะต้องให้ความสำคัญเรื่องการให้บริการแล้ว การวางแผนจัดทำบัญชีและภาษีอย่างถูกต้อง ก็สำคัญไม่น้อยเช่นกัน ยิ่งร้านที่ต้องขาย Package หรือต้องจัดทำ Promotion ทุกๆ เดือน ยิ่งมีความซับซ้อนในการทำบัญชีมากขึ้น ดังนั้นสำหรับใครที่สนใจเปิดธุรกิจร้านนวดแผนไทย คุณสามารถหา สำนักงานบัญชีมืออาชีพ เพื่อคลายความกังวลด้านบัญชีและภาษีให้กับร้านของคุณ เราขอแนะนำ นรินทร์ทอง สำนักงานบัญชีที่เข้าใจธุรกิจทุกรูปแบบ และพร้อมเดินเคียงข้างคุณทุกขั้นตอน ด้วยประสบการณ์ที่ให้บริการมากกว่า 20 ปี โดยมีบริการให้คุณได้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโต และมีประสิทธิภาพในการก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็น
- การส่งภาษีอากร ทางเราสามารถยื่นภาษีให้ได้ โดยที่คุณไม่ต้องยุ่งยากกับการจัดเตรียมเอกสาร รวมไปถึงรับจัดทำรายงาน และให้คำปรึกษาทางด้านภาษี
- รับจดทะเบียนบริษัท เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทของคุณ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการจดทะเบียน เพราะเราสามารถช่วยคุณได้
- งานทางด้านการเงิน จะเป็นการดำเนินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยื่นแบบเงินเดือน และประกันสังคมของพนักงานที่ทำงานอยู่ภายในบริษัท
- ให้บริการรับทำบัญชี หากใครที่กำลังรู้สึกว่าการทำบัญชีนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมากมายภายในบริษัท ทางเราพร้อมที่จะดูแลคุณ
สำหรับใครที่ต้องการปรึกษาสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่…
Facebook : NarinthongOfficial
E-mail : narinthong.ac@gmail.com
Line : @Narinthong
Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339