ปิดงบบริษัทเดือนไหน

ปิดงบบริษัทเดือนไหน เรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม!

หนึ่งในหน้าที่สำคัญของเจ้าของบริษัทคือ “การปิดงบการเงิน” หรือที่หลายคนเรียกว่า “การปิดงบประจำปี” ซึ่งเป็นกระบวนการรวบรวมข้อมูลทางบัญชีทั้งหมดในรอบปี ทั้งรายได้ ค่าใช้จ่าย ทรัพย์สิน หนี้สิน รวมถึงกำไรหรือขาดทุนของบริษัท เพื่อรายงานผลประกอบการต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) และกรมสรรพากร แต่คำถามที่ผู้ประกอบการมักสงสัยคือ — “ปิดงบบริษัทเดือนไหน ดีที่สุด?” เพราะหากกำหนดรอบบัญชีไม่เหมาะสม หรือไม่ปิดงบตามกำหนดเวลา อาจกระทบต่อการบริหารภาษี รวมถึงเสี่ยงโดนปรับตามกฎหมาย

 

ปิดงบบริษัทเดือนไหน ถึงจะเหมาะกับธุรกิจของคุณ

ปิดงบบริษัทเดือนไหน

โดยทั่วไป “รอบบัญชี” หรือ “รอบงบการเงิน” ของบริษัท คือช่วงเวลา 12 เดือนที่ใช้บันทึกและสรุปผลการดำเนินงาน ซึ่งสามารถเลือกได้ตั้งแต่วันแรกของการเริ่มกิจการ โดยไม่จำเป็นต้องตรงกับปีปฏิทิน

รอบบัญชีที่คนนิยมใช้มากที่สุด

บริษัทส่วนใหญ่ในประเทศไทยมักเลือก รอบบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม ของทุกปี เพราะเป็นช่วงเดียวกับปีภาษี ทำให้การยื่นแบบภาษีต่าง ๆ เช่น ภ.ง.ด.50 หรือภ.ง.ด.51 เป็นไปได้อย่างสะดวก ไม่ซับซ้อน และยังง่ายต่อการวิเคราะห์ผลประกอบการในแต่ละปี

นอกจากนี้ การใช้รอบบัญชีแบบปีปฏิทินยังช่วยให้บริษัทเปรียบเทียบงบการเงินกับธุรกิจอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันได้ง่าย เพราะส่วนใหญ่ใช้รอบเดียวกัน

เลือกรอบอื่นได้ไหม?

บริษัทสามารถกำหนดรอบบัญชีที่แตกต่างจากปีปฏิทินได้สิ่งสำคัญคือ ต้องใช้รอบบัญชีเดียวกันทุกปี หากต้องการเปลี่ยน ต้องยื่นขออนุมัติจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

เปิดบริษัทใหม่ ต้องเลือกปิดงบเดือนไหนดี?

ปิดงบบริษัทเดือนไหน

เมื่อเปิดบริษัทใหม่ สิ่งที่เจ้าของธุรกิจหลายคนมักสงสัยคือ “ต้องปิดงบการเงินเดือนไหน?” หรือ “ต้องเริ่มนับรอบบัญชีจากวันจดทะเบียนไหม?”
คำตอบคือ — สามารถกำหนดรอบบัญชีเองได้ โดยกฎหมายกำหนดให้รอบบัญชีแต่ละรอบมีระยะเวลา ไม่เกิน 12 เดือน และต้องใช้วันสิ้นรอบบัญชีเดิมในทุกปี

 

ตัวอย่างกรณีที่ 1: ปิดงบวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี

กรณีนี้เป็น รอบบัญชีตามปฏิทิน (Calendar Year) ที่นิยมใช้กันมากที่สุด เพราะสอดคล้องกับรอบภาษีของกรมสรรพากร

เช่น

  • หากบริษัทจดทะเบียนวันที่ 15 มิถุนายน 2568
    → สามารถกำหนดรอบบัญชีแรกเป็น 15 มิถุนายน – 31 ธันวาคม 2568
    (รอบแรกประมาณ 6 เดือนครึ่ง)

  • จากนั้น รอบถัดไปจะเป็น 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2569 เป็นต้นไป

เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้รอบบัญชีตรงกับปีภาษีปกติ และสะดวกต่อการยื่นงบการเงินและภาษีประจำปี

 

ตัวอย่างกรณีที่ 2: เลือกรอบบัญชีนอกรอบปฏิทิน

เจ้าของธุรกิจสามารถกำหนดรอบบัญชีที่ ไม่ตรงกับปีปฏิทิน ได้เช่นกัน
โดยให้มีระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือน และต้องระบุไว้ตั้งแต่ขั้นตอนจดทะเบียนบริษัท

เช่น

  • บริษัทจดทะเบียนวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568
    → สามารถเลือกได้ 2 แบบ

    1. รอบบัญชี 1 พฤศจิกายน 2568 – 31 ธันวาคม 2568 (ปิดตามปฏิทิน)

    2. รอบบัญชี 1 พฤศจิกายน 2568 – 31 ตุลาคม 2569 (รอบเต็มปีแบบนอกรอบปฏิทิน)

แบบที่สองจะได้งบการเงินครบ 12 เดือนเต็มในปีแรก และเป็นรอบบัญชีถาวรสำหรับปีต่อ ๆ ไป


เลือกปิดงบบริษัทเดือนไหน ให้เหมาะกับภาระค่าใช้จ่าย

ปิดงบบริษัทเดือนไหน

หากจดทะเบียนช่วงปลายปี เช่น ตุลาคม – ธันวาคม แล้วเลือกปิดงบ 31 ธันวาคมทันที
อาจต้องจ้างสอบบัญชีและจัดทำงบการเงินภายในไม่กี่เดือน ซึ่งเพิ่มค่าใช้จ่าย

ดังนั้น ผู้ประกอบการบางรายจึงเลือก เลื่อนรอบบัญชีให้สิ้นสุดกลางปี เช่น 30 มิถุนายน
เพื่อให้รอบแรกยาวเต็มปีและช่วยประหยัด ค่าปิดงบและค่าสอบบัญชี

นอกจากนี้ การ วางแผนจดจัดตั้งบริษัทให้สัมพันธ์กับรอบบัญชี ยังช่วยให้ควบคุมต้นทุนด้านบัญชีได้ดียิ่งขึ้น เช่น

  • หากตั้งใจเริ่มดำเนินธุรกิจจริงในช่วงต้นปี อาจเลือกจดทะเบียนในเดือนมกราคม – มีนาคม เพื่อให้รอบบัญชีตรงกับปีปฏิทิน
  • แต่หากเปิดช่วงกลางหรือปลายปี ควรวางแผนให้รอบบัญชีแรกยาวเต็ม 12 เดือน เพื่อเลี่ยงค่าใช้จ่ายงบสั้น

การวางแผนตั้งแต่ก่อน จดทะเบียนบริษัท จะช่วยให้การจัดทำบัญชีและภาษีของบริษัทมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดความซ้ำซ้อนของค่าใช้จ่ายในปีแรก

 

หากไม่ปิดงบตามรอบ มีบทลงโทษทางกฎหมาย

ปิดงบบริษัทเดือนไหน

หลายบริษัทมักละเลยการยื่นงบการเงิน โดยเฉพาะกิจการที่ยังไม่มีรายได้หรือไม่ค่อยเคลื่อนไหว ซึ่งอาจคิดว่าไม่จำเป็นต้องปิดงบ แต่ตามกฎหมายแล้ว บริษัททุกแห่งต้องยื่นงบการเงินประจำปีภายใน 150 วันหลังสิ้นรอบบัญชี

หากไม่ดำเนินการภายในกำหนดเวลา จะมีโทษดังนี้

  • ปรับบริษัทไม่เกิน 50,000 บาท
  • ปรับกรรมการบริษัทไม่เกิน 50,000 บาท
  • บริษัทอาจถูก ระบุสถานะเป็น “ร้าง” หรือ “ขาดการยื่นงบ” ในระบบกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ซึ่งส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของบริษัทในสายตาคู่ค้าและสถาบันการเงิน
  • และในบางกรณี หากละเลยต่อเนื่อง อาจถูก สั่งเพิกถอนนิติบุคคล ได้ในที่สุด

ดังนั้น การปิดงบให้ตรงเวลาไม่เพียงแต่ช่วยให้บริษัททำงานถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยังเป็นการแสดงถึงความโปร่งใสและความพร้อมขององค์กรในสายตาของนักลงทุนและคู่ค้า

 

ปิดงบบริษัทเดือนไหน ดีที่สุด

สรุปคือ ไม่มีคำตอบตายตัวว่าควร “ปิดงบบริษัทเดือนไหน” เพราะขึ้นอยู่กับลักษณะของธุรกิจและการวางแผนภาษี แต่สำหรับบริษัททั่วไป การใช้รอบบัญชี 1 มกราคม – 31 ธันวาคม จะสะดวกและเป็นมาตรฐานที่สุด

หากคุณเป็นเจ้าของกิจการที่กำลังวางแผนรอบบัญชี หรืออยากให้มีผู้เชี่ยวชาญช่วยตรวจสอบและปิดงบให้ถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมายปรึกษา

นรินทร์ทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีและภาษีที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี เราพร้อมเป็นเกราะป้องกันทางกฎหมายให้ธุรกิจคุณ  เราไม่เพียงแค่ช่วย คำนวณและจัดการการปิดงบย้อนหลังที่ซับซ้อน แต่เรายังมีบริการให้คุณได้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโต และมีประสิทธิภาพในการก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็น

  • การส่งภาษีอากร ทางเราสามารถยื่นภาษีให้ได้ โดยที่คุณไม่ต้องยุ่งยากกับการจัดเตรียมเอกสาร รวมไปถึงรับจัดทำรายงาน และให้คำปรึกษาทางด้านภาษี
  • รับจดทะเบียนบริษัท เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทของคุณ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการจดทะเบียน เพราะเราสามารถช่วยคุณได้
  • งานทางด้านการเงิน จะเป็นการดำเนินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยื่นแบบเงินเดือน และประกันสังคมของพนักงานที่ทำงานอยู่ภายในบริษัท
  • ให้บริการรับทำบัญชี หากใครที่กำลังรู้สึกว่าการทำบัญชีนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมากมายภายในบริษัท ทางเราพร้อมที่จะดูแลคุณ

สำหรับใครที่ต้องการปรึกษาสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่…

Facebook : NarinthongOfficial

E-mail : narinthong.ac@gmail.com

Line : @Narinthong

Tel : 081-627-6872 02-404-2339

 

 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้ในส่วนวิเคราะห์ และคุกกี้ในส่วนการตลาด

    คุกกี้ในส่วนวิเคราะห์ จะช่วยให้เว็บไซต์เข้าใจรูปแบบการใช้งานของผู้เข้าชมและจะช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลและรายงานผลการใช้งานของผู้ใช้งาน และคุกกี้ในส่วนการตลาด ใช้เพื่อติดตามพฤติกรรมผู้เข้าชมเว็บไซต์เพื่อแสดงโฆษณาที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้งานแต่ละรายและเพื่อเพิ่มประสิทธิผลการโฆษณาสำหรับผู้เผยแพร่และผู้โฆษณาสำหรับบุคคลที่สาม

บันทึกการตั้งค่า