ในปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหน เราก็สามารถพบเห็นคลินิกเสริมความงามได้ง่ายๆ บางคลินิกก็ได้มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด นั่นเป็นเพราะว่าในยุคนี้การทำธุรกิจคลินิกเสริมความงาม ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ว่าบางคลินิกจะมีผู้เข้าใช้บริการจำนวนมาก แต่ก็ไม่วายพบกับปัญหาทางด้านการเงิน เพราะไม่มีความรู้ทางด้านบัญชี หากใครที่กำลังพบเจอกับปัญหานี้ อย่าปล่อยให้ส่งผลกระทบกับธุรกิจของคุณ แต่ควรหาทางแก้ไขทันที โดยเริ่มต้นจากการวางแผน ทําบัญชีคลินิกเสริมความงาม ด้วยผู้เชี่ยวชาญทางด้านการทำบัญชี
ดังนั้นสำหรับคุณหมอท่านใด ที่กำลังวางแผนเปิดคลินิกเสริมความงาม หรืออยากรู้ว่าคลินิกที่เราเปิดอยู่นั้น ต้องมีความรู้เรื่องบัญชีอะไรบ้าง ลองมาทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กันในบทความนี้ เพราะทาง นรินทร์ทอง เราได้เตรียมข้อมูลเกี่ยวกับ การ ทำบัญชี และรายละเอียดต่างๆ ที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้ ก่อนเปิดคลินิกเสริมความงามมาไว้ให้คุณแล้ว ซึ่งจะมีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจบ้างตามมาดูกันเลย!
การวางแผน ทําบัญชีคลินิกเสริมความงาม
การประกอบธุรกิจคลินิกเสริมความงาม หรือไม่ว่าธุรกิจไหนๆ หลังจากที่เปิดบริษัทแล้ว ควรต้องมีการวางแผน ทำบัญชี ทันที เนื่องจากคลินิกเสริมความงามเป็นธุรกิจที่มีลักษณะเฉพาะ ดังนั้นการวาง ผังบัญชีคลินิก ก็ควรถูกออกแบบให้เหมาะสมกับธุรกิจเช่นกัน โดยเบื้องต้นต้องดูว่าการทำบัญชี และยื่นภาษี สำหรับคลินิกเสริมความงามนั้น มีรายการรายได้ และค่าใช้จ่ายต่างๆ เกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง รวมถึงภาษีต่างๆ ที่ต้องเสียด้วย ยกตัวอย่างเช่น เครื่องอัลเทอรา (Ulthera), เครื่องไฮฟู (HIFU) ยกกระชับ, เครื่องเทอร์มาจ (Thermage) เป็นต้น
ซึ่งเครื่องมือทางการแพทย์ทั้งหมดนี้มีราคาสูง ในบางครั้งต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการคลินิก ควรวางแผนในเรื่องของการ ทำบัญชี ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ทางบัญชีจะเรียกเครื่องมือทางการแพทย์เหล่านี้ว่า สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน หรือ Fixed Asset ยิ่งใช้งานก็ยิ่งมีค่าเสื่อมราคาเกิดขึ้นเป็นค่าใช้จ่าย ถ้าจะให้ดีควรวางแผนทำบัญชีของธุรกิจให้เป็นระบบ และเมื่อเริ่มต้นบันทึกบัญชีควรจะมีเอกสารต่างๆ ในการซื้อเครื่องมือเหล่านี้ประกอบไว้ให้ครบถ้วน ได้แก่
- ใบสั่งซื้อ
- ใบแจ้งหนี้
- ใบเสร็จรับเงิน
- ใบกำกับภาษี
แต่ทั้งนี้จะมีเครื่องมือเสริมความงามเพียงอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องมีสต๊อกยาเพื่อให้บริการลูกค้าด้วย เช่น วิตามิน, Botox, Filler ซึ่งในทางบัญชีเราจะเรียกตัวยาเหล่านี้ว่า สินค้าคงเหลือ โดยจะถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ สินทรัพย์หมุนเวียนของธุรกิจ เมื่อถูกใช้ออกไปจะถูกเปลี่ยนหมวดเป็น ค่าใช้จ่าย (ประเภทต้นทุนขาย) ของธุรกิจทันที ส่วนเรื่องเอกสาร ควรเก็บไว้ทุกครั้งที่มีการซื้ออุปกรณ์เครื่องมือ (สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน) และสินค้าคงเหลือ เพื่อประโยชน์ในการบันทึกบัญชีและภาษีของธุรกิจ
ต้นทุนของคลินิกความงาม
หลังจากที่ได้ทราบถึงแผนการ ทำบัญชี ของธุรกิจแล้ว สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อมานั่นก็คือ ต้นทุนของธุรกิจคลินิกเสริมความงาม ซึ่งนอกจากเครื่องมือทางการรักษา ยา หรือสต๊อกสินค้าที่พร้อมให้บริการ ยังมีต้นทุนที่สำคัญอีกอย่างคือ การจ้างแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มาดูแลหรือให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า ดังนั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องรู้เกี่ยวกับ การทำบัญชีและภาษีสำหรับค่าจ้างคุณหมอ จะมีทั้งหมด 3 เรื่องหลักๆ ดังนี้
1. บันทึกบัญชีเงินเดือน – หากเป็นคุณหมอที่ทำงานประจำแบบรายเดือน จะต้องจัดทำบัญชีเงินเดือนให้เรียบร้อย หรือคลินิกใหญ่ๆ บางแห่งที่มีพนักงานเยอะ อาจต้องใช้โปรแกรมเงินเดือนมาช่วยเก็บ และบันทึกข้อมูล เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์แก่การหักภาษีหัก ณ ที่จ่าย และประกันสังคม
2. ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย – สำหรับกรณีที่จ้างคุณหมอเป็นพนักงานประจำของคลินิก ในแต่ละเดือนที่จ่ายเงินเดือนจะต้องมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายคำนวณตามอัตราก้าวหน้า หรือถ้าจ้างเป็นรายครั้ง จะต้องมาเช็กว่าเข้าข่ายเงินได้ประเภท 40(2) จ่ายตามเวลา หรือ 40(6) จ่ายค่าวิชาชีพตามผลงานหรือไม่ ซึ่งอัตราการหักภาษี ณ ที่จ่ายก็จะแตกต่างกันออกไปด้วย
3. ประกันสังคม – การว่าจ้างคุณหมอและพนักงานประจำร้าน กฎหมายได้กำหนดไว้ว่าเจ้าของธุรกิจ จะต้องขึ้นทะเบียนประกันสังคมให้เรียบร้อย และนำส่งเงินประกันสังคม โดยหักเงินบางส่วนจากพนักงาน และนายจ้างสมทบอีกส่วนเข้าไป
ซึ่งทั้ง 3 ข้อนี้เป็นภาพรวมต้นทุนก้อนใหญ่ ของการทำธุรกิจคลินิกเสริมความงาม ที่มีอยู่เป็นประจำทุกเดือน ดังนั้นผู้ประกอบการทุกท่าน จึงไม่ควรละเลยเรื่องการ ทำบัญชี โดยเด็ดขาด
รายได้คลินิกเสริมความงาม มีประเภทใดบ้าง
สำหรับเรื่องรายได้ของคลินิกเสริมความงาม ก่อนอื่นผู้ประกอบการจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่า รายได้ของคลินิกเสริมความงามนั้น มีประเภทใดบ้าง ซึ่งในหัวข้อนี้ นรินทร์ทอง เราขอแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่
- รายได้ คลินิกเสริมความงาม ยกเว้น ภาษีมูลค่าเพิ่ม หมายถึง รายได้จากการประกอบกิจการสถานพยาบาล ตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล และอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลกำหนด เช่น การทำศัลยกรรม ฉีดสิว โดยมีหลักการว่า รายได้ต้องเกิดหลังจากที่ได้รับใบอนุญาต ให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลเท่านั้น
- รายได้คลินิกเสริมความงาม ที่ไม่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หมายถึง รายได้อื่นๆ ของคลินิกที่ได้รับ โดยไม่ต้องมีข้อแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น การขายอาหารเสริม, ขายครีมบำรุงผิวหน้า, ขายครีมรักษาสิว, ค่าที่ปรึกษา ฯลฯ ซึ่งรายได้เหล่านี้หากมีตั้งแต่ 1.8 ล้านบาทขึ้นไป ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยคิด Vat 7% และออกใบกำกับภาษีทุกครั้งที่ได้รับเงินจากลูกค้า
ยิ่งคลินิกแห่งไหนที่มีรายได้เข้ามาหลายช่องทาง เจ้าของธุรกิจเองก็ต้องทำความเข้าใจ ประเภทรายได้ในธุรกิจของตัวเองด้วย และออกเอกสารใบเสร็จรับเงินให้ลูกค้าอย่างถูกต้องทุกครั้ง ยิ่งถ้ามีรายได้เข้าข่ายตามที่กฎหมายกำหนด ต้องมีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat) และควรทำสิ่งเหล่านี้เพิ่มเติม ได้แก่ จัดทำรายงานภาษี, ทำรายงานภาษีซื้อ, ทำรายงานสินค้าและวัตถุดิบ และในทุกๆ เดือนก็จะต้องยื่นแบบ ภ.พ. 30 เพื่อนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มตามที่กฎหมายกำหนด
ค่าใช้จ่ายคลินิกเสริมความงาม
ในส่วนของค่าใช้จ่ายคลินิกเสริมความงาม จะมีทั้งแบบเกี่ยวข้องกับกิจการโดยตรง และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ เช่น เงินเดือนของกรรมการ, ค่าจ้างคุณหมอประจำคลินิก, ค่าธรรมเนียมคุณหมอ หรือที่เรียกว่า ค่า DF (Doctor Fee), ค่าแรงของคุณหมอ Part-Time, ค่าเช่า, ค่าซ่อมแซม, ค่าส่งเสริมการขาย, ค่าที่ปรึกษา ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา, ค่าอินเทอร์เน็ต และสัดส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในคลินิก ทั้งนี้ทางคลินิกเอง ต้องมีการเตรียมความพร้อมต่างๆ อยู่เสมอ ซึ่งในส่วนนี้เจ้าของธุรกิจ ควรมีการปรึกษาพูดคุยกับสำนักงาน รับทำบัญชี ที่ตนใช้บริการ เพื่อให้การวางแผนทำบัญชี และยื่นภาษีในธุรกิจ เป็นไปอย่างถูกต้องตรงตามกฎหมายกำหนด
สรุปเทคนิคการวางแผน ทําบัญชีคลินิกเสริมความงาม กับ นรินทร์ทอง
การ ทำบัญชีคลินิกเสริมความงาม เป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับธุรกิจอย่างมาก เพราะจะทำให้รู้ถึงความเคลื่อนไหวของ รายรับ รายจ่าย กำไร ขาดทุน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นตัววิเคราะห์ ทำให้เจ้าของธุรกิจสามารถดำเนินงานในอนาคตได้ตรงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ หากกล่าวโดยสรุปคือ การวางแผน ทำบัญชี เป็นเรื่องที่สำคัญต่อการทำธุรกิจคลินิกเสริมความงาม และธุรกิจทุกประเภท ดังนั้นถ้าหากใครที่เป็นผู้ประกอบการมือใหม่ แล้วอยากวางแผนทำบัญชี กับ สำนักงาน รับทำบัญชี ที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ
ขอแนะนำ บริษัท นรินทร์ทอง จำกัด สำนักงาน รับทำบัญชี และจัดทำงบการเงิน โดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านบัญชีและภาษี ด้วยประสบการณ์ที่ให้บริการมากกว่า 20 ปี โดยมีบริการให้คุณได้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโต และมีประสิทธิภาพในการก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็น
- การส่งภาษีอากร ทางเราสามารถยื่นภาษีให้ได้ โดยที่คุณไม่ต้องยุ่งยากกับการจัดเตรียมเอกสาร รวมไปถึงรับจัดทำรายงาน และให้คำปรึกษาทางด้านภาษี
- รับจดทะเบียนบริษัท เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทของคุณ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการจดทะเบียน เพราะเราสามารถช่วยคุณได้
- งานทางด้านการเงิน จะเป็นการดำเนินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยื่นแบบเงินเดือน และประกันสังคมของพนักงานที่ทำงานอยู่ภายในบริษัท
- ให้บริการรับทำบัญชี หากใครที่กำลังรู้สึกว่าการทำบัญชีนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมากมายภายในบริษัท ทางเราพร้อมที่จะดูแลคุณ
สำหรับใครที่ต้องการปรึกษาสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่…
Facebook : NarinthongOfficial
E-mail : narinthong.ac@gmail.com
Line : @Narinthong
Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339