บัญชีธุรกิจแฟรนไชส์

บัญชีธุรกิจแฟรนไชส์ ต้องเริ่มต้นอย่างไร!

การเริ่มต้นทำ “ธุรกิจแฟรนไชส์” มีหลักการคล้ายกับการทำบัญชีธุรกิจทั่วไป แต่มีจุดที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ นั่นก็คือ การบันทึกและจัดการ ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ (Royalty Fees) และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นรินทร์ทอง จึงอยากมาแนะนำวิธีการวางแผน บัญชีธุรกิจแฟรนไชส์ สำหรับมือใหม่ที่กังวลว่า จะเริ่มต้นทำธุรกิจแฟรนไชส์ยังไงดี มาดูพร้อมกันไปกับเราบทความนี้

 

เริ่มต้นวางแผน บัญชีธุรกิจแฟรนไชส์ ยังไงให้ไม่มีพลาด?

บัญชีธุรกิจแฟรนไชส์

การวางแผนบัญชีสำหรับธุรกิจแฟรนไชส์ ควรเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจลักษณะเฉพาะของธุรกิจแฟรนไชส์ และกำหนดโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน และการบัญชีที่เป็นมาตรฐานและชัดเจน เพื่อให้สามารถบริหารจัดการและควบคุมการเงินของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในส่วนของแฟรนไชส์ซอร์ (ผู้ขายสิทธิ์) และแฟรนไชส์ซี (ผู้ซื้อสิทธิ์) นรินทร์ทอง แนะนำให้คุณเริ่มต้นจากการทำ “ผังบัญชีมาตรฐาน” (Standard Chart of Accounts) เพราะถือว่าเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดในการวางระบบบัญชีแฟรนไชส์ เพราะผังบัญชีคือ พิมพ์เขียวทางการเงิน ที่กำหนดว่าธุรกิจจะจัดหมวดหมู่และบันทึกรายการต่างๆ อย่างไร

ทั้งนี้ ผังบัญชีแฟรนไชส์มาตรฐาน ประกอบไปด้วย รายการบัญชีหลัก 5 หมวด ได้แก่ ต้นทุน, รายได้, ค่าใช้จ่าย, สินทรัพย์ไม่มีตัวตน และ หนี้สินเฉพาะ (เช่น รายได้ค่าธรรมเนียมล่วงหน้า/กองทุนโฆษณา) แต่บทความนี้เราจะเน้นเป็นพิเศษที่ ต้นทุน รายได้ และค่าใช้จ่าย เพราะเป็นองค์ประกอบหลักที่ใช้ในการคำนวณ กำไร/ขาดทุน ในแต่ละวันได้ มาดูกันว่ารายละเอียดแต่ละหัวข้อจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง?

 

การบันทึกต้นทุน ของ บัญชีธุรกิจแฟรนไชส์

เริ่มต้นกันที่ การบันทึกต้นทุน ในบัญชีธุรกิจแฟรนไชส์ ซึ่งมีความซับซ้อนกว่าธุรกิจทั่วไป  เนื่องจากต้องแยกต้นทุนระหว่าง แฟรนไชส์ซอร์ (ผู้ขายสิทธิ์) และ แฟรนไชส์ซี (ผู้ซื้อสิทธิ์) รวมถึงการบันทึกรายการพิเศษที่เกี่ยวข้องกับค่าสิทธิ์และค่าธรรมเนียม โดยแบ่งได้ 2 ส่วนดังนี้

บัญชีธุรกิจแฟรนไชส์

1. การบันทึกต้นทุนสำหรับแฟรนไชส์ซอร์ (Franchisor)

ต้นทุนส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการสร้าง ขยาย และดูแลระบบ ไม่ใช่แค่การผลิตสินค้า แบ่งออกเป็น 3 ส่วนสำคัญตามแหล่งที่มาของรายได้ ได้แก่ ต้นทุนการขายสิทธิ์, ต้นทุนการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง และ ต้นทุนกองทุนการตลาด

บัญชีธุรกิจแฟรนไชส์

2. การบันทึกต้นทุนสำหรับแฟรนไชส์ซี (Franchisee)

เน้นที่การจัดการต้นทุนการดำเนินงานของสาขา รวมถึงต้นทุนพิเศษที่เกิดจากการซื้อและใช้สิทธิ์แฟรนไชส์ ซึ่งมีความแตกต่างจากธุรกิจทั่วไปตรงที่ ต้องมีการบันทึกสินทรัพย์ไม่มีตัวตน และ ค่าใช้จ่ายคงที่ ที่ต้องจ่ายให้แฟรนไชส์ซอร์อย่างสม่ำเสมอ

 

รายได้ บัญชีธุรกิจแฟรนไชส์ และ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

สำหรับการบันทึกรายได้ในธุรกิจแฟรนไชส์มีความซับซ้อน เพราะมีกระแสเงินหลายส่วน และมีผลกระทบต่อ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่แตกต่างกันไปตามประเภทของรายได้

บัญชีธุรกิจแฟรนไชส์

1. รายได้สำหรับแฟรนไชส์ซอร์ (Franchisor)

รายได้หลักของแฟรนไชส์ซอร์แบ่งออกเป็น 3 ส่วน และมีผลต่อ VAT ที่ต่างกัน ได้แก่

  1. รายได้สำหรับแฟรนไชส์ซี (Franchisee) เป็นเงินก้อนเดียวที่ได้รับเมื่อมีการเซ็นสัญญา เพื่อแลกกับสิทธิ์การใช้ชื่อ เครื่องหมายการค้า และชุดความรู้เริ่มต้น
    • การบันทึกบัญชี – รับรู้เป็นรายได้ตามมาตรฐานการบัญชี โดยอาจบันทึกเป็น หนี้สิน ก่อน แล้วค่อยทยอยรับรู้เป็นรายได้ตามความคืบหน้า
    • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) – ถือเป็นค่าตอบแทนที่ได้รับจากการให้บริการสิทธิ์ และการให้บริการอื่นๆ ต้องเสีย VAT โดยแฟรนไชส์ซอร์ต้องออกใบกำกับภาษีเต็มจำนวนตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน
  2. รายได้ค่าสิทธิ์ (Royalty Fees) เป็นเงินที่ได้รับอย่างสม่ำเสมอ (มักเป็นรายเดือน) คำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขายของแฟรนไชส์ซี เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนและรักษาระบบ
    • การบันทึกบัญชี – บันทึกเป็นรายได้ค่าสิทธิ์ (Recurring Revenue) ในงวดที่เกิดยอดขายนั้นๆ
    • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) – ถือเป็นค่าตอบแทนที่ได้รับจากการให้ใช้สิทธิ์ (License) หรือการให้บริการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ต้องเสีย VAT โดยที่แฟรนไชส์ซอร์ต้องเป็นคนออกใบกำกับภาษี ให้แฟรนไชส์ซีตามรอบที่ได้รับชำระเงิน
  3. รายได้จากกองทุนการตลาด/โฆษณา (Advertising Fund) เป็นเงินที่เก็บจากแฟรนไชส์ซีตามสัดส่วน เพื่อใช้ในการส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์โดยรวม
    • การบันทึกบัญชี – แฟรนไชส์ซอร์มักบันทึกเงินที่ได้รับเป็น หนี้สิน เนื่องจากเงินนี้มีวัตถุประสงค์เฉพาะ และจะถูกหักออกด้วยค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้น
    • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) –  การเก็บเงินเข้ากองทุนอาจไม่ต้องเสีย VAT ทันที แต่ค่าใช้จ่ายในการโฆษณา ที่แฟรนไชส์ซอร์จ่ายออกจากกองทุน มี VAT ซื้อ (VAT Input) และต้องมีการจัดการให้ถูกต้อง

บัญชีธุรกิจแฟรนไชส์

2. รายได้สำหรับแฟรนไชส์ซี (Franchisee)

คือ รายได้จากการดำเนินงานของร้านตามปกติ

  1. รายได้จากการขายสินค้า/บริการ เป็นรายได้หลักที่มาจากการขายสินค้าและบริการให้แก่ลูกค้า
    • การบันทึกบัญชี – บันทึกเป็นรายได้จากการขายตามปกติของธุรกิจ
    • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) – หากยอดขายเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียน VAT โดย VAT จะต้องถูกเรียกเก็บจากลูกค้าและนำส่งกรมสรรพากร
  2. การจัดการภาษีซื้อและภาษีขาย (VAT Management) แฟรนไชส์ซีต้องจัดการ VAT ดังนี้
    • ภาษีขาย (Output VAT) – ภาษีที่เก็บจากลูกค้าในการขายสินค้า
    • ภาษีซื้อ (Input VAT) – ภาษีที่จ่ายไปในการซื้อวัตถุดิบสินค้า และที่สำคัญคือ VAT จากค่าสิทธิ์ (Royalty Fee) และ VAT จากค่าธรรมเนียมแรกเข้าที่แฟรนไชส์ซอร์ออกใบกำกับภาษีให้

 

ค่าใช้จ่ายบัญชีธุรกิจแฟรนไชส์

การบันทึกค่าใช้จ่ายในบัญชีธุรกิจแฟรนไชส์ จะต้องแยกตามบทบาทของธุรกิจ โดยมี ผู้ขายสิทธิ์ (แฟรนไชส์ซอร์) และ ผู้ซื้อสิทธิ์ (แฟรนไชส์ซี) เพื่อให้การวางแผนภาษีและการควบคุมต้นทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

บัญชีธุรกิจแฟรนไชส์

1. ค่าใช้จ่ายสำหรับแฟรนไชส์ซอร์ (Franchisor)

แฟรนไชส์ซอร์ต้องบันทึกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง การขยาย และการบริหารจัดการระบบแฟรนไชส์ทั้งหมด

  1. ค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนระบบ (System Support & Admin Costs)
    • ค่าใช้จ่ายฝ่ายปฏิบัติการ – ได้แก่ เงินเดือน ค่าเดินทาง และสวัสดิการของทีมงาน ที่ให้การสนับสนุนและควบคุมคุณภาพของสาขาแฟรนไชส์
    • ค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยี – ได้แก่ ค่าพัฒนา ค่าบำรุงรักษาซอฟต์แวร์ ระบบ POS และโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่ให้บริการแก่แฟรนไชส์ซี
    • ค่าใช้จ่ายในการบริหารสำนักงานใหญ่ – ได้แก่ ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภค และค่าใช้จ่ายทั่วไปในการบริหารจัดการองค์กร
  2. ต้นทุนการขายและภาระผูกพันเริ่มต้น
    • ค่าคอมมิชชั่นการขาย – ค่าตอบแทนที่จ่ายให้พนักงานขายหรือนายหน้า ที่สามารถหาแฟรนไชส์ซีใหม่ได้
    • ค่าใช้จ่ายทางกฎหมายและเอกสาร – ค่าใช้จ่ายในการจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ และเอกสารเปิดเผยข้อมูล (FDD) โดยจะถูกบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายเมื่อรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมแรกเข้า
  3. การจัดการกองทุนการตลาด (Advertising Fund Expense)
    • ค่าใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ – ได้แก่ การบันทึกค่าใช้จ่ายในการโฆษณา การประชาสัมพันธ์ และการสร้างแบรนด์ที่ทำเพื่อประโยชน์ของระบบแฟรนไชส์ทั้งหมด โดยเงินเหล่านี้มาจากกองทุนที่เก็บจากแฟรนไชส์ซี

บัญชีธุรกิจแฟรนไชส์

2. ค่าใช้จ่ายสำหรับแฟรนไชส์ซี (Franchisee)

แฟรนไชส์ซีต้องบันทึกค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ใช้ในการดำเนินงานร้าน และค่าใช้จ่ายพิเศษที่ต้องจ่ายให้แฟรนไชส์ซอร์ ซึ่งสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้

  1. ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้แฟรนไชส์ซอร์
    • ค่าสิทธิ์ – บันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเต็มจำนวนในงวดที่เกิดขึ้น (สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้)
    • ค่าธรรมเนียมการตลาด – บันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน หรือ ค่าใช้จ่ายทางการตลาด ตามข้อกำหนดในสัญญา
  2. ค่าใช้จ่ายที่มาจากการดำเนินงานร้าน  
    • ต้นทุนสินค้าขาย (COGS) – เป็นค่าใช้จ่ายหลักของวัตถุดิบหรือสินค้าที่นำมาขาย ซึ่งถือเป็นต้นทุนขายที่สำคัญที่สุด (Prime Cost)
    • ต้นทุนค่าแรง – ได้แก่ เงินเดือน ค่าจ้าง สวัสดิการ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน
    • ค่าเช่าและสาธารณูปโภค – เป็นค่าใช้จ่ายประจำสำหรับการดำเนินงานสถานที่
  3. ค่าใช้จ่ายที่มาจากการลงทุนเริ่มต้น (หักแบบตัดจำหน่าย/ค่าเสื่อม)  
    • ค่าตัดจำหน่ายสิทธิ์แฟรนไชส์ – แฟรนไชส์ซีจะทยอยบันทึกค่าธรรมเนียมแรกเข้า เป็นค่าใช้จ่ายตัดจำหน่ายตลอดอายุสัญญาแฟรนไชส์ (สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้)
    • ค่าเสื่อมราคา – การทยอยบันทึกค่าใช้จ่ายของการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร เช่น การตกแต่งร้าน (ค่าปรับปรุงอาคาร) อุปกรณ์ และเครื่องจักร
  4. ค่าใช้จ่ายทางภาษีและกฎหมาย 
    • ค่าทำบัญชีและค่าสอบบัญชี – ค่าใช้จ่ายในการจ้างสำนักงานบัญชีและผู้สอบบัญชี
    • ค่าธรรมเนียมและค่าปรับ (ถ้ามี) – ค่าปรับที่เกิดจากการทำผิดกฎระเบียบหรือสัญญา

 

 

วางแผน บัญชีธุรกิจแฟรนไชส์ ให้สำเร็จ นรินทร์ทอง เราพร้อมให้คำปรึกษา!

การวางแผน บัญชีธุรกิจแฟรนไชส์ ไม่ใช่แค่การทำตามกฎหมาย แต่คือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และเป็นเครื่องมือสำคัญที่ขับเคลื่อนให้ธุรกิจแฟรนไชส์ของคุณเติบโตได้อย่างมั่นคง นรินทร์ทอง เข้าใจดีว่าความสำเร็จของแฟรนไชส์ซอร์และแฟรนไชส์ซีนั้น ขึ้นอยู่กับการจัดการตัวเลขที่แม่นยำ และเป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมาย นรินทร์ทองเราพร้อมเป็นคู่คิดที่ช่วยคุณวางระบบบัญชี สำหรับการรับรู้รายได้ค่าสิทธิ์ ไปจนถึงการจัดการภาษีซื้อ-ภาษีขาย (VAT) ของทุกสาขา

นอกจากนี้เรายังมีบริการอื่นๆ ที่พร้อมดูแลคุณครบวงจร ทั้งด้านบัญชี การวางแผนภาษี และการให้คำปรึกษา ด้วยประสบการณ์ที่ให้บริการมากกว่า 20 ปี โดยมีบริการให้คุณได้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโต และมีประสิทธิภาพในการก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็น

  • การส่งภาษีอากร ทางเราสามารถยื่นภาษีให้ได้ โดยที่คุณไม่ต้องยุ่งยากกับการจัดเตรียมเอกสาร รวมไปถึงรับจัดทำรายงาน และให้คำปรึกษาทางด้านภาษี
  • รับจดทะเบียนบริษัท เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทของคุณ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการจดทะเบียน เพราะเราสามารถช่วยคุณได้
  • งานทางด้านการเงิน จะเป็นการดำเนินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยื่นแบบเงินเดือน และประกันสังคมของพนักงานที่ทำงานอยู่ภายในบริษัท
  • ให้บริการรับทำบัญชี หากใครที่กำลังรู้สึกว่าการทำบัญชีนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมากมายภายในบริษัท ทางเราพร้อมที่จะดูแลคุณ

สำหรับใครที่ต้องการปรึกษาสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่…

Facebook : NarinthongOfficial

E-mail : narinthong.ac@gmail.com

Line : @Narinthong

Tel : 081-627-6872 02-404-2339

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้ในส่วนวิเคราะห์ และคุกกี้ในส่วนการตลาด

    คุกกี้ในส่วนวิเคราะห์ จะช่วยให้เว็บไซต์เข้าใจรูปแบบการใช้งานของผู้เข้าชมและจะช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลและรายงานผลการใช้งานของผู้ใช้งาน และคุกกี้ในส่วนการตลาด ใช้เพื่อติดตามพฤติกรรมผู้เข้าชมเว็บไซต์เพื่อแสดงโฆษณาที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้งานแต่ละรายและเพื่อเพิ่มประสิทธิผลการโฆษณาสำหรับผู้เผยแพร่และผู้โฆษณาสำหรับบุคคลที่สาม

บันทึกการตั้งค่า