เมื่อเริ่มต้นทำธุรกิจ ประเด็นแรกๆ ที่ควรให้ความสำคัญ คือ “การจดทะเบียนบริษัท” ว่าจะเป็นในรูปแบบ “บุคคลธรรมดา” หรือ “นิติบุคคล” เพราะ 2 รูปแบบนี้มีความต่างกันทั้งในเรื่องข้อดี ข้อเสีย รวมถึงการจัดทำบัญชีและภาษี ที่ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามที่กฎหมาย ถ้าไม่อยากพลาดข้อมูลดีๆ เหล่านี้ นรินทร์ทอง มีสาระดีๆ มานำเสนอ สำหรับใครที่เริ่มต้นทำธุรกิจ แล้วสงสัยว่า นิติบุคคล กับ บุคคลธรรมดาต่าง กัน อย่างไร ? เลือกทำแบบไหนดีกว่ากัน ? มาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันในบทความนี้!
นิติบุคคล กับ บุคคลธรรมดา ต่าง กัน อย่างไร ?

เมื่อเริ่มต้นทำธุรกิจ หนึ่งในคำถามสำคัญที่ผู้ประกอบการมักเจอคือ นิติบุคคล กับ บุคคลธรรมดา ต่างกันอย่างไร ? จะดำเนินการในรูปแบบไหนดี ? เพราะการเลือกโครงสร้างธุรกิจส่งผลโดยตรงต่อความรับผิดชอบ ภาษี ความน่าเชื่อถือ และการเติบโตในอนาคต โดยมีหน้าที่ที่แตกต่างกันในหลายด้าน ได้แก่
1. ความรับผิดชอบต่อหนี้สิน
- สำหรับบุคคลธรรมดา: ต้องรับผิดชอบไม่จำกัด สามารถนำทรัพย์สินส่วนตัวมาชดใช้หนี้ธุรกิจได้
- สำหรับนิติบุคคล: จำกัดความรับผิดตามทุนที่ลงทุน เช่น ผู้ถือหุ้นลงทุน 100,000 บาท ก็รับผิดชอบแค่ในวงเงินนั้น
2. การเสียภาษี
- สำหรับบุคคลธรรมดา: อัตราภาษีสูงสุดอยู่ที่ 35% โดยการคำนวณภาษีมี 2 วิธี
- วิธีที่ 1 เงินได้สุทธิ x อัตราภาษีก้าวหน้า (เงินได้สุทธิ = รายได้ – รายจ่าย – ค่าลดหย่อน)
- วิธีที่ 2 รายได้นอกเหนือจากเงินเดือน หรือค่าจ้างแรงงานก่อนหักค่าใช้จ่าย x 0.5%
- สำหรับนิติบุคคล: ผู้ประกอบการจะเสียภาษีจากกำไรสุทธิ (รายได้-รายจ่าย) อัตราภาษี หากเป็นนิติบุคคลทั่วไปอยู่ที่ 20% สำหรับ SME มีการยกเว้น/ลดหย่อน อัตราภาษีในลักษณะขั้นบันได สูงสุดไม่เกิน 20% ในกรณีขาดทุนไม่ต้องเสียภาษี แต่สามารถนำผลขาดทุนนั้นไปหักกำไรปีต่อไปได้สูงสุดถึง 5 ปี
3. การคำนวณค่าใช้จ่าย
- สำหรับบุคคลธรรมดา: สามารถเลือกหักค่าใช้จ่าย ได้ 2 วิธี คือ 1. หักแบบเหมา โดยไม่ต้องมีหลักฐานพิสูจน์รายจ่าย แต่ส่วนใหญ่จะหักได้น้อยกว่าหักค่าใช้จ่ายตามจริง และ 2. หักตามจริง ซึ่งต้องมีหลักฐานพิสูจน์รายจ่ายนั้นๆ
- สำหรับนิติบุคคล: ผู้ประกอบการ SME จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล สามารถนำรายการค่าใช้จ่ายบางประเภทมาหักได้มากกว่าค่าใช้จ่ายจริง สามารถหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาทรัพย์สินบางประเภทในอัตราเร่งได้ (นับจากวันที่ได้มา) เช่น อาคารชั่วคราว หักได้ 100% เครื่องจักร คอมพิวเตอร์ และโรงงาน หักได้ 40% เป็นต้น
(สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่มีทรัพย์สินถาวรไม่รวมที่ดินไม่เกิน 200 ล้านบาท และจ้างงานไม่เกิน 200 คน)
4. อายุธุรกิจ
- สำหรับบุคคลธรรมดา: จะสิ้นสุดลงเมื่อเจ้าของเสียชีวิตหรือหยุดกิจการ
- สำหรับนิติบุคคล: สามารถอยู่ต่อได้แม้เจ้าของเปลี่ยนมือ และสามารถโอนหุ้นหรือสืบทอดกิจการได้
5. การขยายธุรกิจ
- สำหรับบุคคลธรรมดา: ใช้ทุนส่วนตัวเป็นหลัก อาจกู้ยืมได้ยาก
- สำหรับนิติบุคคล: สามารถจัดระดมทุน เพิ่มทุน หรือจัดหาพันธมิตรธุรกิจได้ง่ายกว่า
เปรียบเทียบ นิติบุคคล กับ บุคคลธรรมดา แบบไหนเหมาะกับคุณ
ก่อนเลือกจดทะเบียนต้องเลือกให้ดี เพราะทั้งสองแบบมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกันไป การเลือกให้เหมาะกับธุรกิจและเป้าหมายของคุณจึงสำคัญมาก ซึ่งก่อนจะตัดสินใจเลือกดำเนินธุรกิจในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งนั้น ต้องศึกษาข้อมูลของทั้งสองรูปแบบ นรินทร์ทอง ได้นำข้อมูลของทั้งธุรกิจรูปแบบ “บุคคลธรรมดา” และ ธุรกิจรูปแบบ “นิติบุคคล” มาเปรียบเทียบกัน เพื่อให้เห็นรายละเอียดที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ดังนี้
การทำธุรกิจรูปแบบ “บุคคลธรรมดา”

การทำธุรกิจรูปแบบนี้ส่วนมากจะเป็นกิจการขนาดเล็ก เจ้าของลงทุนคนเดียว หรือในลักษณะของห้างหุ้นส่วนสามัญ (ไม่ได้จดทะเบียน) ซึ่งมีบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ตกลงทำธุรกิจและแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน แต่มีสภาพเป็นบุคคลธรรมดา
กิจการรูปแบบนี้ถึงแม้ไม่ต้องจัดทำบัญชีตามมาตรฐานบัญชี แต่ต้องจัดทำรายงานเงินสดรับ – จ่าย เพื่อให้ผู้ประกอบการทราบถึงรายได้ รายจ่าย ผลกําไรหรือขาดทุนจากการดำเนินธุรกิจ และใช้เป็นหลักฐานประกอบการยื่นขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน และยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- ข้อดี: การดำเนินธุรกิจในรูปแบบนี้จัดตั้งง่าย ไม่ซับซ้อน มีความคล่องตัวสูง
- ข้อจำกัด: มีความน่าเชื่อถือน้อยกว่านิติบุคคล เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงทั้งในแง่ความรับผิดหนี้สิน เพราะเจ้าของธุรกิจต้องรับผิดชอบหนี้สินที่เกิดขึ้นเองทั้งหมด
การทำธุรกิจรูปแบบ “นิติบุคคล”

ธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคล จะมีทั้งห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัด ซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งที่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ รูปแบบนี้จะต้องมีการจัดทำบัญชีตามมาตรฐานบัญชี พร้อมทั้งมีผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชี จึงทำให้ง่ายต่อการขยายกิจการ การติดต่อกับลูกค้า หรือแม้แต่การเข้าถึงแหล่งเงินทุนก็สามารถทำได้ง่ายกว่าเช่นกัน เนื่องจากมีข้อมูลทางบัญชีที่น่าเชื่อถือ ทำให้ธนาคารรู้ฐานะที่แท้จริงของกิจการ และในขณะเดียวกันก็สามารถนำไปวางแผนบริหารจัดการธุรกิจต่อได้ในอนาคต
นอกจากนี้ หากมองเรื่องของความเสี่ยงในแง่ความรับผิดชอบในหนี้สิน ก็จะมีความเสี่ยงน้อยกว่า เพราะธุรกิจจะถูกแยกจากตัวเจ้าของกิจการอย่างชัดเจน หนี้สินของกิจการจะเกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้น จำกัดเฉพาะมูลค่าหุ้นที่เป็นเจ้าของเท่านั้น
- ข้อดี: ต้องจดทะเบียน มีกระบวนการทางกฎหมายชัดเจน
- ข้อจำกัด: มีค่าใช้จ่าย ต้องทำบัญชี-ส่งงบทุกปี
โดยสรุปคือ หากคุณเริ่มต้นทำธุรกิจขนาดเล็กๆ ใช้ทุนไม่สูง เน้นความคล่องตัว หรืออยากทดลองตลาดก่อนขยายธุรกิจ เลือก บุคคลธรรมดา แต่หากคุณต้องการขยายธุรกิจจริงจัง สร้างความน่าเชื่อถือ และลดความเสี่ยงส่วนตัว เลือก นิติบุคคล จะตอบโจทย์มากกว่า
นิติบุคคล กับ บุคคลธรรมดา ต่าง กัน อย่างไร ? มุมมองที่ผู้ประกอบการต้องรู้ก่อนวางแผนภาษี
การทำความเข้าใจว่า นิติบุคคล กับ บุคคลธรรมดา ต่าง กัน อย่างไร ก่อนเริ่มต้นทำธุรกิจ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องให้ความใส่ใจเป็นอันดับแรก เพราะการทำความเข้าใจถึงบริบทความแตกต่างของ นิติบุคคล กับ บุคคลธรรมดา จะช่วยให้คุณเลือกเส้นทางธุรกิจที่เหมาะสม ประหยัดภาษี ลดความเสี่ยง และสร้างโอกาสในการเติบโตระยะยาว แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็น บุคคลธรรมดา หรือ นิติบุคคล สิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ “ภาษี” แต่การจ่ายภาษีไม่ใช่แค่การทำตามกฎหมายเท่านั้น หากคุณวางแผนอย่างถูกต้องยังช่วยประหยัดต้นทุน เพิ่มกำไร และลดความเสี่ยงทางกฎหมายได้อีกด้วย สนใจอยากวางแผนภาษี ขอแนะนำ นรินทร์ทอง เพราะเราคือผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีและภาษีโดยตรง ให้บริการมากกว่า 20 ปี โดยมีบริการให้คุณได้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโต และมีประสิทธิภาพในการก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็น
- การส่งภาษีอากร ทางเราสามารถยื่นภาษีให้ได้ โดยที่คุณไม่ต้องยุ่งยากกับการจัดเตรียมเอกสาร รวมไปถึงรับจัดทำรายงาน และให้คำปรึกษาทางด้านภาษี
- รับจดทะเบียนบริษัท เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทของคุณ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการจดทะเบียน เพราะเราสามารถช่วยคุณได้
- งานทางด้านการเงิน จะเป็นการดำเนินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยื่นแบบเงินเดือน และประกันสังคมของพนักงานที่ทำงานอยู่ภายในบริษัท
- ให้บริการรับทำบัญชี หากใครที่กำลังรู้สึกว่าการทำบัญชีนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมากมายภายในบริษัท ทางเราพร้อมที่จะดูแลคุณ
สำหรับใครที่ต้องการปรึกษาสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่…
Facebook : NarinthongOfficial
E-mail : narinthong.ac@gmail.com
Line : @Narinthong
Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339


