สำหรับใครที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจ ห้างหุ้นส่วนเป็นหนึ่งตัวเลือกสำหรับใครหลายๆคน โดยห้างหุ้นส่วนมีหลายประเภท ห้างหุ้นส่วนสามัญ กับ ห้างหุ้นส่วนจำกัด บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความแตกต่างและช่วยให้คุณตัดสินใจ กับเรา นรินทร์ทอง
ห้างหุ้นส่วนสามัญ กับ ห้างหุ้นส่วนจำกัด คืออะไร 
- ห้างหุ้นส่วนสามัญ (Ordinary Partnership): คือการรวมตัวกันของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อดำเนินธุรกิจร่วมกัน ห้างหุ้นส่วนสามัญ สามารถจดทะเบียน หรือ ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แต่หุ้นส่วนทุกคนจะต้องรับผิดชอบต่อหนี้สินและข้อผูกพันทางการเงินทั้งหมดของธุรกิจด้วยทรัพย์สินส่วนตัว
ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน: จะถือว่าเป็นการดำเนินการในรูปแบบของบุคคลธรรมดา จะต้องเสียภาษีตามอัตราภาษีของบุคคล
ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน: จะต้องจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะถือว่าเป็นการดำเนินธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคล (ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล)
- ห้างหุ้นส่วนจำกัด (Limited Partnership): เป็นรูปแบบของการจดทะเบียนนิติบุคคล โดยต้องจดทะเบียนกับ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และต้องมีบุคคลดำเนินการตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยจะประกอบด้วย 2 ประเภท
หุ้นส่วนจำกัด: หุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดชอบ จะรับผิดชอบต่อหนี้สินเฉพาะในส่วนของทุนที่ตนเองลงทุน หรือ ตามจำนวนหุ้นที่ถืออยู่ ในห้างหุ้นส่วนเท่านั้น
หุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดชอบ: ส่วนหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดชอบจะต้องรับผิดชอบต่อหนี้สินและข้อผูกพันทางการเงินทั้งหมดของธุรกิจอย่างเต็มที่ ด้วยทรัพย์สินส่วนตัว
ห้างหุ้นส่วนสามัญ กับ ห้างหุ้นส่วนจำกัดต่างกันอย่างไร
ความรับผิดชอบ:
- ในห้างหุ้นส่วนสามัญ หุ้นส่วนทุกคนมีความรับผิดชอบไม่จำกัด นั่นหมายความว่าหากห้างหุ้นส่วนมีหนี้สิน หุ้นส่วนทุกคนจะต้องชดใช้หนี้สินนั้นๆ ด้วยทรัพย์สินส่วนตัว
- ในห้างหุ้นส่วนจำกัด หุ้นส่วนที่เป็น “หุ้นส่วนจำกัด” จะรับผิดชอบเฉพาะในส่วนของทุนที่ตนเองลงทุน ขณะที่หุ้นส่วนที่เป็น “หุ้นส่วนไม่จำกัด” จะต้องรับผิดชอบต่อหนี้สินทั้งหมดด้วยทรัพย์สินส่วนตัวเช่นเดียวกับห้างหุ้นส่วนสามัญ
การจดทะเบียน:
- ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน แต่ห้างหุ้นส่วนจำกัดจะต้องจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
การบริหารจัดการ:
- ในห้างหุ้นส่วนสามัญ ทุกหุ้นส่วนมีสิทธิ์ในการบริหารจัดการธุรกิจร่วมกัน
- ในห้างหุ้นส่วนจำกัด หุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดชอบไม่มีสิทธิ์ในการบริหารจัดการธุรกิจ จะมีเพียงหุ้นส่วนที่ไม่จำกัดความรับผิดชอบเท่านั้นที่มีสิทธิ์ในการบริหารจัดการ
การดำเนินการด้านบัญชี และ ปิดงบการเงิน
ในกรณีห้างหุ้นส่วนจำกัด และ ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ทั้ง 2 รูปแบบถือเป็นรูปแบบธุรกิจแบบนิติบุคคล ซึ่งจะต้องดำเนินการ
– ทำบัญชีรายเดือน และ ปิดงบการเงินตามรอบบัญชี โดยมีผู้สอบบัญชีเป็นผู้รับรอง และ ให้ความเห็นต่องบการเงิน
– ยื่นภาษีที่เกี่ยวข้อง
ภาษีหัก ณ ที่จ่ายในกรณีที่มีการว่าจ้าง / ยื่นประกันสังคมให้กับลูกจ้าง /ยื่นภาษีนิติบุคคลทั้งแบบครึ่งปี และ สิ้นปี ตามกฎหมายกำหนด
– ยื่นงบการเงินให้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ทำให้เกิดความรับผิดชอบในการ ทำบัญชี และ การจัดเก็บเอกสารมากขึ้น
ในกรณีห้างหุ้นส่วนสามัญ อยู่ในรูปแบบธุรกิจ บุคคลธรรมดา ทำให้ ทำบัญชีรายรับรายจ่ายก็เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจไม่ ต้องดำเนินการส่งงบการเงินทำให้ไม่มีต้นทุนในส่วนของการทำบัญชีเพิ่มเติม
อัตาภาษีตามกฎหมาย
ในกรณีห้างหุ้นส่วนจำกัด และ ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จะเสียอัตราภาษีนิติบุคคล โดยมีอัตราสูงสุดไม่เกิน 20% ในกรณีที่เป็นธุรกิจประเภท SME กำไรสุทธิไม่เกิน 3 ล้านบาทจะได้อัตราภาษีที่ 15 %
ในกรณีห้างหุ้นส่วนสามัญ จะเสียภาษีในรูปแบบของบุคคลธรรมดา โดยมีอัตราสูงสุดถึง 35 % ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่ารูปแบบนิติบุคคล ในกรณีที่กิจการมีกำไรสุทธิตั้งแต่ 750,000 บาทขึ้นไปต้องเสียอัตราสูงสุดถึง 35 % หากใครมี กำไรสุทธิถึงเกณฑ์ดังกล่าว แนะนำให้เลือก จดบริษัท หรือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ก็จะทำให้เรามีอัตราภาษีที่ลดลงนั้นเอง
ใครเหมาะกับหุ้นส่วนสามัญ ใครเหมาะกับห้างหุ้นส่วนจำกัด

- ห้างหุ้นส่วนสามัญ เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กที่ดำเนินการค้าในความเสี่ยงต่ำ มีโอกาสหรือเกิดปัญหา หรือ ความเสี่ยงได้น้อย ใครที่พึ่งเริ่มต้นทำธุรกิจ ยังมีรายได้ไม่มาก ไม่ถึงอัตราภาษีสูงสุดที่ 35 %และยังไม่ต้องการเพิ่มความซับซ้อนในการทำบัญชี และ ปิดงบการเงิน ห้างหุ้นส่วนสามัญก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี
แต่ในกรณีที่ธุรกิจกำลังเติบโตมีรายได้มากขึ้นห้างหุ้นส่วนสามัญก็อาจจะไม่ตอบโจทย์เนื่องจากต้องเสียอัตราภาษี สูงสุดที่ 35 % ทำให้มีโอกาสเสียภาษีมากกว่าการจดทะเบียนบริษัท หรือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด
และหากเกิดปัญหา ผู้ถือหุ้นทุกคนต้องรับผิดชอบต่อหนี้สิน และภาระผูกพันทางการเงินของธุรกิจทั้งหมดโดยไม่จำกัดความรับผิดชอบ และต้องใช้ทรัพย์สินส่วนตัวในการชำระ หากเกิดข้อผิดพลาด ห้างหุ้นส่วนสามัญจึงไม่เหมาะกับธุรกิจที่มีมูลค่าในตัวสินค้าหรือบริการที่ต้องรับความเสี่ยงที่สูง - ห้างหุ้นส่วนจำกัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมีหุ้นส่วนในธุรกิจแต่ไม่ต้องการมีความเสี่ยงสูง หุ้นส่วนจำกัดความรับผิดชอบเพียงแค่ในส่วนของทุนที่ตนเองลงทุน โดยห้างหุ้นส่วนจำกัดจะเสียภาษีในรูปแบบของนิติบุคคล มีอัตราภาษีสูงสุดไม่เกิน 20 % ในกรณีที่เรามีกำไรสุทธิมากกว่า 750,000 บาท การเสียภาษีใบรูปแบบของนิติบุคคลก็ช่วยให้เสียภาษีน้อยกว่าห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือ รูปแบบบุคคลธรรมดา
แต่ก็ต้องแลกด้วยการจัดทำบัญชี ปิดงบการเงิน และ ส่งภาษีอากรที่เกี่ยวข้องโดยอาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ในกรณีนี้แอดมิน แนะนำให้คำนวณค่าใช้จ่ายในการทำบัญชี เทียบกับภาษีที่ต้องชำระตามอัตราก้าวหน้าของบุคคลธรรมดา หากใครที่คำนวณแล้วค่าใช้จ่ายในการทำบัญชีสามารถช่วยให้ธุรกิจของเราประหยัดค่าใช้จ่าย การจดทะเบียนนิติบุคคล ไม่ว่าจะเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือ บริษัทจำกัด ก็อาจจะเหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
สรุป
การเลือกโครงสร้างทางธุรกิจเป็นขั้นตอนสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจในระยะยาวหากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกโครงสร้างทางธุรกิจแบบไหน หรือมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำบัญชีและการจัดการห้างหุ้นส่วน ทีมงาน บริษัท นรินทร์ทอง จำกัด สำนักงาน รับทำบัญชี และจัดทำงบการเงิน โดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านบัญชีและภาษี ด้วยประสบการณ์ที่ให้บริการมากกว่า 20 ปี โดยมีบริการให้คุณได้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโตและมีประสิทธิภาพในการก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็น
- การส่งภาษีอากร ทางเราสามารถยื่นภาษีให้ได้ โดยที่คุณไม่ต้องยุ่งยากกับการจัดเตรียมเอกสาร รวมไปถึงรับจัดทำรายงาน และให้คำปรึกษาทางด้านภาษี
- รับจดทะเบียนบริษัท เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทของคุณ โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการจดทะเบียน เพราะเราสามารถช่วยคุณได้
- งานทางด้านการเงิน จะเป็นการดำเนินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยื่นแบบเงินเดือน และประกันสังคมของพนักงานที่ทำงานอยู่ภายในบริษัท
- ให้บริการรับทำบัญชี หากใครที่กำลังรู้สึกว่าการทำบัญชีนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก และมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมากมายภายในบริษัท ทางเราพร้อมที่จะดูแลคุณ
สำหรับใครที่ต้องการปรึกษาสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่…
Facebook : NarinthongOfficial
E-mail : narinthong.ac@gmail.com
Line : @Narinthong
Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339