หลายคนทำธุรกิจมาสักพัก เริ่มมีฐานลูกค้าประจำ มีแบรนด์ที่คนจดจำได้ จนเริ่มมีเสียงถามเข้ามาว่า “เปิดแฟรนไชส์ไหมครับ อยากซื้อ!” ฟังดูดีมากใช่ไหมครับ แต่ก่อนจะเริ่มต้นเปิดแฟรนไชส์ หรือรับใครมาเป็นแฟรนไชส์ซี (Franchisee) สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรรู้ก่อนคือเรื่อง “การจดทะเบียน”
เพราะไม่ว่าคุณจะอยู่ฝั่ง “เจ้าของแฟรนไชส์” หรือ “ผู้ซื้อแฟรนไชส์” ต่างก็ต้องเข้าใจขั้นตอนการจดทะเบียนให้ถูกต้อง เพื่อให้ธุรกิจถูกต้องตามกฎหมายมาดูกันครับว่า… ทําธุรกิจแฟรนไชส์ต้องจดทะเบียนอะไรบ้าง ทั้งฝั่งผู้ซื้อ และผู้ขาย?
ทำธุรกิจแฟรนไชส์ ต้องจดทะเบียนอะไรบ้าง
พอพูดถึงคำว่า “แฟรนไชส์” หลายคนอาจจะนึกถึงการซื้อสูตรกาแฟ ซื้อแบรนด์อาหาร หรือเปิดสาขาตามระบบที่มีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่หลายคนมักพลาดคือ… เรื่องการจดทะเบียนให้ครบทุกด้าน เพราะการทำแฟรนไชส์ไม่ใช่แค่เรื่องการตลาด แต่คือ “โครงสร้างทางกฎหมายและภาษี” ที่ต้องรอบคอบตั้งแต่วันแรก
ในกรณีของฝั่งผู้ขายแฟรนไชส์
1. จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายบริการ
นี่คือสิ่งที่ ขาดไม่ได้เด็ดขาด สำหรับฝั่ง เจ้าของแฟรนไชส์ (Franchisor)
เพราะแบรนด์ โลโก้ หรือชื่อร้านที่คุณสร้างขึ้น ต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย มิฉะนั้นอาจถูกลอกเลียนแบบได้ง่าย
เคยมีกรณีจริง — เจ้าของแฟรนไชส์อาหารรายหนึ่งยังไม่ได้จดเครื่องหมายการค้า พอแฟรนไชส์ซีลาออกจากระบบ กลับนำชื่อร้านเดิมไปเปิดใหม่เฉยเลย สุดท้ายต้องเสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการฟ้องร้อง เพราะไม่มีเอกสารสิทธิ์รองรับ
ดังนั้น ผู้ที่คิดจะขยายแฟรนไชส์ ไม่ควรรอให้แบรนด์ดังแล้วค่อยจด
ควรจดเครื่องหมายการค้าตั้งแต่วันแรกที่เริ่มสร้างแบรนด์ เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต
ทำไมต้องแบ่งจด
เพราะธุรกิจแฟรนไชส์มักมีทั้งสินค้าและบริการ หากจดรวมกัน อาจคุ้มครองสิทธิ์ได้ไม่ครบ เช่น โลโก้เดียวกันแต่มีคนเอาไปใช้ในอีกประเภทธุรกิจได้อย่างถูกกฎหมาย การแบ่งจดจึงช่วยให้แบรนด์ของคุณได้รับความคุ้มครองครบถ้วน
การแบ่งจดทำอย่างไร
- เครื่องหมายการค้า (Trademark) ใช้กับ สินค้า ที่จับต้องได้ เช่น กาแฟ เสื้อผ้า หรือขนม
- เครื่องหมายบริการ (Service Mark) ใช้กับ ธุรกิจบริการ เช่น ร้านอาหาร สายการบิน หรือสำนักงานบัญชี
หากเครื่องหมายเดียวกันใช้ทั้งกับการขายสินค้าและให้บริการ
ต้องยื่นคำขอแยกเป็น 2 ฉบับ ได้แก่
- คำขอเครื่องหมายการค้า
- คำขอเครื่องหมายบริการ
จดที่ไหน
สามารถยื่นคำขอได้ที่
กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์
หรือยื่น ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.ipthailand.go.th
ก่อนยื่นจด ควรตรวจค้นเครื่องหมายให้แน่ใจว่าไม่มีการใช้งานซ้ำ โดยนำโลโก้ไปตรวจได้ที่ ศูนย์บริการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา
2. จดสัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้าและบริการ (License Agreement)
สัญญานี้คือ “ข้อตกลงทางกฎหมาย” ระหว่างเจ้าของแฟรนไชส์ (Franchisor) และผู้ซื้อแฟรนไชส์ (Franchisee)
เอกสารนี้จะระบุชัดเจนว่า
- ผู้ซื้อมีสิทธิ์ใช้ชื่อแบรนด์ โลโก้ สูตร หรือระบบใดได้บ้าง
- ใช้ได้ในระยะเวลาเท่าไร
- มีเงื่อนไขการต่อสัญญาอย่างไร
โดยในสัญญามักจะระบุห้ามนำข้อมูลภายในไปใช้ทำธุรกิจแข่ง
ในกรณีของฝั่งผู้ซื้อ และ ผู้ขายแฟรนไชส์
1. จดทะเบียนพาณิชย์
เหมาะกับคนที่ยังทำในนาม บุคคลธรรมดา เช่น เปิดร้านกาแฟ ร้านนวด ร้านอาหาร หรือแฟรนไชส์ขนาดเล็กที่ยังไม่ได้ตั้งบริษัท การจดทะเบียนพาณิชย์จะช่วยให้สามารถดำเนินกิจการได้ถูกต้องตามกฎหมายในพื้นที่นั้น ๆ
สามารถดำเนินการจดทะเบียนพาณิชย์ได้ที่:
พื้นที่กรุงเทพมหานคร
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักการคลัง กรุงเทพมหานคร
รับจดทะเบียนพาณิชย์สำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่มี สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร - ฝ่ายปกครองของสำนักงานเขต
รับจดทะเบียนพาณิชย์สำหรับผู้ประกอบธุรกิจที่มี สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตนั้น ๆ
พื้นที่ภูมิภาค (ต่างจังหวัด)
- เทศบาล
- องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)
- เมืองพัทยา
หน่วยงานเหล่านี้จะรับจดทะเบียนพาณิชย์ของผู้ประกอบธุรกิจที่มี สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ของตน
2.จดทะเบียนบริษัท / ห้างหุ้นส่วนจำกัด
สำหรับธุรกิจแฟรนไชส์ เมื่อธุรกิจเริ่มมีหลายสาขา มีรายได้สูงขึ้น หรืออยากวางระบบภาษีให้ชัดเจน การจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าการทำในนามบุคคล
ผู้ขายแฟรนไชส์ (Franchisor)
- การจดบริษัทช่วยให้ธุรกิจมีความน่าเชื่อถือสำหรับผู้ลงทุนแฟรนไชส์
- สามารถออกใบกำกับภาษี (VAT) ได้ ทำให้การจัดการบัญชีและภาษีสะดวกขึ้น
- วางระบบการเงินและภาษีสำหรับหลายสาขาได้เป็นระเบียบ
ผู้ซื้อแฟรนไชส์ (Franchisee)
- ช่วยให้ วางระบบบัญชี และ จัดการภาษีได้อย่างถูกต้อง เช่น จัดทำรายงานทางการเงินตามกฎหมาย ไปกู้ยืมเงินจากธนาคาร
- ลดความเสี่ยงเรื่อง ถูกตรวจสอบย้อนหลัง หรือเกิดข้อพิพาทด้านสัญญาและสิทธิ์
“เคสที่เจอบ่อยจากประสบการณ์ของทีม นรินทร์ทอง คือ เจ้าของแฟรนไชส์ทำในนามบุคคลธรรมดาไปเรื่อย ๆ จนรายได้เริ่มสูง แล้วมาเจอภาษีย้อนหลัง เพราะระบบบัญชีไม่ชัดเจนดังนั้น ถ้าคิดจะขยายแฟรนไชส์จริงจัง จดบริษัทไว้ตั้งแต่แรกจะปลอดภัยที่สุด”
3. จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
อีกขั้นตอนที่หลายคนมักมองข้ามคือ “ภาษีมูลค่าเพิ่ม” ถ้าธุรกิจมีรายได้ เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจด VAT ทันที แต่แม้รายได้ยังไม่ถึงเกณฑ์ หลายแฟรนไชส์ก็มัก “สมัครใจจด” เพื่อให้สามารถออกใบกำกับภาษีและขอคืนภาษีซื้อได้
โดยเฉพาะแฟรนไชส์ในกลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม หรือบริการที่มีค่าใช้จ่ายประจำสูง — จด VAT ไว้จะช่วยให้บริหารต้นทุนและภาษีได้ง่ายขึ้นเยอะ
สรุป ทําธุรกิจแฟรนไชส์ต้องจดทะเบียนอะไรบ้าง!
การทำธุรกิจแฟรนไชส์ไม่ใช่แค่เรื่องการตลาดหรือการขายสูตรเท่านั้น แต่เป็นการวางระบบทางธุรกิจที่ต้องเริ่มต้นให้ถูกต้องตั้งแต่วันแรก โดยเฉพาะเรื่อง “การจดทะเบียนแฟรนไชส์” ที่ผู้ประกอบการทั้งฝั่งเจ้าของแฟรนไชส์ (Franchisor) และผู้ซื้อแฟรนไชส์ (Franchisee) ต้องใส่ใจ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญในการบริหารภาษี สร้างความน่าเชื่อถือ และป้องกันความเสี่ยงทางกฎหมายในอนาคต หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะต้องเริ่มจดอะไร หรือมีข้อสงสัยเรื่องภาษีและบัญชีธุรกิจแฟรนไชส์ ทีม นรินทร์ทอง การบัญชีและกฎหมาย พร้อมดูแลครบในที่เดียว ทั้งการจดทะเบียนบริษัท, พาณิชย์, VAT รวมถึงวางระบบภาษีสำหรับธุรกิจแฟรนไชส์โดยเฉพาะ เพราะแฟรนไชส์ที่ยั่งยืน ต้องเริ่มต้นจาก “เอกสารถูกต้องตั้งแต่วันแรก”
สำหรับใครที่ต้องการปรึกษาสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่…
Facebook : NarinthongOfficial
E-mail : narinthong.ac@gmail.com
Line : @Narinthong
Tel : 081-627-6872 , 02-404-2339